สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในดูไบ เที่ยวดูไบ และอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองอภิมหาเศรษฐี ที่เว่อร์วังอลังการ
สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในดูไบ ถ้าได้มาเที่ยวดูไบ ก็คงต้องนึกถึงความหรูหรา ล้ำสมัย ความยิ่งใหญ่ตระกาลตาใช่มั้ยคะ? คิดถูกแล้วค่าาา >,< เพราะมันอลังการจริงจริ๊งงงงง จากเมืองทะเลทรายกลายเป็นเมืองสวรรค์ ทั้งโรงแรม แหล่งช๊อปปิ้ง และสถานที่ท่องเที่ยว แต่ละที่ขอบอกว่าปังๆ ทั้งนั้น ถ้าได้มาสักครั้งรับรองจะต้องติดใจอย่างแน่นอนจ้าาาพักโรงแรม 7 ดาว Burj Al Arab ดูไบ
โรงแรม Burj Al Arab ดูไบ หรือโรงแรมเรือใบ หนึ่งในสัญลักษณ์ของดูไบ หรูที่สุดในโลก 7 ดาววววววว สุดยอด..
บุรจญ์อัลอาหรับ (อาหรับ: ; Burj al-Arab) เป็นโรงแรมที่หรูหราในนครรัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความสูง 321 เมตร หรือ 1,050 ฟุตและยังสูงเป็นอันดับ 32 ของโลก ตึกบุรจญ์อัลอาหรับ ตั้งอยู่บนเกาะที่ถูกถมขึ้นห่างจากชายฝั่งจูไมราบีช 280 เมตรและเชื่อมต่อด้วยสะพานที่มีลักษณะโค้ง มีโครงสร้างการออกแบบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบ และตัวอาคารเลียนแบบมาจากใบของเรือใบ
การตกแต่งสถานที่ก็อลังการงานสร้างอย่างชัดเจน ทองอร่าม สวยงาม เว่อร์จริงๆ เลย การจัดพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน และสะดวกมาก ส่วนด้านการให้บริการ พนักงานทำงานแบบมืออาชีพมากๆ ค่ะ ดูแล และให้เกียรติแขก แบบแขกเป็นบุคคลสำคัญ วีไอพีมากๆ
เที่ยวตึกเบิร์จคาลิฟา Burj Khalifa
คือตึกอะไรรู้ไหมมม? คำตอบคือ ตึกที่สูงที่สุดในโลกยังไงล่ะะะ! ว้าวววววว *0*
เที่ยวตึกเบิร์จคาลิฟา หรือที่เรียกกันคือ ตึกเบิร์จ ดูไบ (Burj Dubai) ที่ตั้งสูงตระหง่านเฉียดฟ้าอยู่กลางเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กันค่า เป็นตึกที่ยิ่งใหญ่อลังการและเห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองมากๆ สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2010 ใช้เวลาถึง 6 ปีเลยทีเดียว ออกแบบโดย เอเดรียน สมิธ เป็นทีมจากสำนักงานสถาปนิก เอสโอเอ็ม ( SOM = Skidmore, Owings & Merrill ) ค่ะ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากดอกไม้ทะเลทรายในตระกูล Hymenocallis เป็นสถาปัตยกรรมรูปทรงเรขาคณิต ที่มีฐานเป็นรูปตัว Y ทำให้โครงสร้างอาคารมีความมั่นคงนั่นเอง และยังได้มีการปลูกต้นไม้ที่สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนในดูไบได้ไว้บนตึกอีกด้วยนะคะ เกร๋ๆ >,<
เจ้าของตึกก็คือ นายกรัฐมนตรี หรือเจ้าผู้ครองนครดูไบ Mohammed bin Rashid Al Maktoum อ่านว่า มุฮัมมัด บิน รอชิด อัลมักตูม -0- โอ่ว ชื่อยาวดีแท้ 555 ลงทุนกว่า 1,500 ล้านดอลล่าร์ หรือเท่ากับ 52.5 พันล้านบาททท! อะเฮือกก แค่นี้ก็รู้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการแล้วววค่าาา และในปี 2010 ได้เปลี่ยนชื่อจากเบิร์จดูไบเป็นเบิร์จคาลิฟา เพื่อเป็นเกียรติแก่เคาะลีฟะฮ์ บิน ซายิด บิน สุลฏอน อัลนะฮ์ยาน (Khalifa bin Zayed Al Nahyan) ประธานาธิบดีคนที่สองแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นเจ้าผู้ครองนครอาบูดาบี เนื่องจากพระองค์ได้ช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหญ่ให้กับดูไบรวมถึงตึกนี้ด้วยค่ะ
ตึกเบิร์จคาลิฟามีทั้งหมด 163 ชั้น ความสูง 828 เมตร สูงกว่าหอไอเฟลกว่า 3 เท่าแน่ะ! แทบจะทักทายกับก้อนเมฆได้ -3- ภายในตึกมีทั้ง สำนักงาน, ภัตตาคาร, คอนโด, สระว่ายน้ำแบบเอาท์ดอร์, สุเหร่า, หอดูดาวกลางแจ้ง
และไม่ได้มีชื่อเสียงแค่เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเท่านั้นนะคะ ยังมีจุดชมวิวสูงที่สุดในโลก และ มีลิฟต์สูงที่สุดในโลกอีกด้วย โดยลิฟต์มีความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ก็คือถ้าจะไปถึงจุดชมวิวชั้น 124 จะใช้เวลาแค่ 1 นาทีเท่าน้านนน! อ้ะโหววว นี่ลิฟต์หรือจรวดคะเนี่ย *0* ดาดฟ้ากว้างนี้สามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ไกลกว่า 95 กิโลเมตร!! ว่ากันว่า มองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ข้ามทะเลอารเบียเข้าไปถึงประเทศอิหร่านได้เลยนะคะ หูวววว ความตื่นเต้นและเว่อร์วังนี้บรรยายยังไงก็ไม่หมด ต้องมาสัมผัสตึกสูงระฟ้าตึกนี้ด้วยตัวเองให้ได้สักครั้งเลยน้าา ห้ามพลาดดด
เที่ยวน้ำพุแห่งดูไบ Dubai Fountain
น้ำพุเต้นระบำได้นะรู้ยัง? >,< เต้นยังไง งงล่ะซี้ นี่คือ Dubai Fountain หรือ น้ำพุแห่งดูไบ ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกกก มีความยาวกว่า 270 เมตร หรือประมาณสนามฟุตบอล 2 สนามรวมกันค่า *0* นึกภาพตามแล้วร้องหูววววกันใช่ไหมม ยังค่ะ ยังไม่หมด ได้ใช้น้ำจำนวน 83,000 ลิตร พุ่งขึ้นไปบนอากาศสูงเท่ากับตึก 50 ชั้น!! และสามารถมองเห็นจากที่สูงไกลถึง 200 ไมล์อีกด้วย
ออกแบบโดยบริษัท WET Design จากสหรัฐอเมริกาค่ะ ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ออกแบบน้ำพุ Fountains of Bellagio ที่เมืองลาสเวกัสนั่นเอง น้ำพุที่นั่นว่าอลังการแล้ว น้ำพุดูไบนี้ขนาดใหญ่โตกว่าถึง 25% ใช้งบประมาณกว่า 220 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 7.2 พันล้านบาทเลยทีเดียว โอ้วววว
น้ำพุสุดอลังการนี้ตั้งอยู่ในทะเลสาบบุรจญ์คาลิฟา ใจกลางเมืองดูไบ รอบๆ เต็มไปด้วยตึกชื่อดังมากมาย และตึกเหล่านี้ก็เป็นสถานที่ดูโชว์น้ำพุยอดนิยมเลยล่ะค่า โดยเฉพาะหน้าห้างฯ คนจะมาดูเยอะมาก มีคนแอบกระซิบว่า สะพานระหว่างห้างฯ The Dubai Mall และ Souk Al Bahar เห็นชัดและมีคนน้อยกว่าด้วยแหละ งานนี้ก็ต้องหามุมดีๆ กันนะจ๊ะ
ในการแสดงนี้จะใช้ไฟทั้งหมด 6,600 ดวง โปรเจคเตอร์สี 50 ตัว ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมเปิดเพลงเป็นจังหวะ จนเหมือนน้ำพุนั้นเต้นระบำอยู่ เพลินมากๆ คนดูจะเต้นไปด้วยก็ไม่มีใครว่านะ ฮิฮิ การแสดงในแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกันนะคะ แต่รับรองว่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน!
เริ่มชมได้ตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึงเที่ยงคืน โดยจะจะเริ่มทุกๆ ครึ่งชั่วโมง รอบละประมาณ 5 นาที มาวันไหนก็ได้ดู เพราะมีการแสดงทุกวัน แถมไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยจ้า เริ่ดเฟร่ออออ
เที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Dubai Mall Aquarium
เที่ยว Dubai Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกกก ก ก (ใส่เสียงเอคโค่) อยู่ในห้าง Dubai Mall ที่เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊คว่าเป็นตู้กระจกอะคริลิกขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยค่า นี่ดูไบจะยิ่งใหญ่อลังการไปหมดเลยใช่มั้ยเนี่ย 5555 เพราะที่นี่มีอุโมงค์ให้เดินลอดใต้ท้องกระจก เปรียบเสมือนโรงเรียนขนาดใหญ่ของปลาทะเล ปะการังเทียมขนาดใหญ่ที่เหมือนของจริงมาก สามารถมองเห็นสัตว์น้ำใต้ทะเลกว่า 33,000 ชนิด แบบพาโนรามาชัดๆ เต็มตากันไปเล้ยย ราวกับว่าได้เป็นนางเงือกว่ายน้ำอยู่ใต้ทะเล ฮิฮิ
และยังมีนกเพนกวิน แมวน้ำ ปลากระเบน ปิรันยา แมลงต่างๆ สัตว์เลื้อยคลาน และราชาจระเข้ที่ตัวใหญ่มว้าก อายุ 40 ปี ยาวกว่า 5 เมตร น้ำหนักถึง 750 กิโลกรัม! ว้าวว สมกับเป็นราชาจริงๆ *0*
การโชว์ให้อาหารปลาจากมือนักประดาน้ำ ท่ามกลางฝูงปลาหลายหมื่นตัว รวมทั้งฉลามด้วย! กรี๊ดด ตื่นเต้น มีการแสดงความสามารถของสัตว์ ทุกๆ ชั่วโมง ใครสงสัยอะไรจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้และตอบคำถามของเราอยู่ทั่วพิพิธภัณฑ์เลยค่า ถามอะไร ตอบได้ อับดุลเอ้ย 555
เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่อลังการสมชื่อจริงๆ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ห้ามพลาดนะจ๊าา
เที่ยวสวนน้ำ Wild Wadi
สัมผัสความเย็นชุ่มฉ่ำกันซักหน่อยย ที่ Wild Wadi สวนน้ำสุดล้ำที่ใหญ่ที่สุดในดูไบจ้าา! กับพื้นที่ทั้งหมด 12 เอเคอร์ ตั้งอยู่บนถนน Jumeirah Beach ใกล้ๆ กับโรงแรม Burj Al Arab ถูกออกแบบมาให้เหมือนโอเอซิส มีลักษณะต่างๆ ตามเรื่องเล่าท้องถิ่นของอาหรับค่า
จุดเด่นของที่นี่คือสไลเดอร์ที่ยาววววและสูงที่สุดในโลกกก *0* มีชื่อว่า Jumeirah Sceirah พอขึ้นไปบนยอดสูงสุดจะเห็นวิวทั่วสวนน้ำ กระดานลื่นสองชุดตั้งอยู่ข้างกัน หันมองตากับคนข้างๆ ปริบๆ เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะจ้า รอเวลานับถอยหลัง ให้ใจได้เต้นตึกตักๆๆ พอถึงศูนย์ปุ๊บ! จะถูกปล่อยลงมาด้วยความเร็วร้อยปีแสง5555 คิดดูสิคะทุกคน ความสูงประมาณ 120 เมตร ไหลดิ่งลงด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โอ้แม่เจ้า แค่เห็นก็ใจจิวาย ยังไม่ได้เริ่มเล่นก็หวาดเสียวไปทั้งตัวแล้วจ้าาา 555
และยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ ให้มันส์กันกว่า 30 ชนิด กิจกรรมอีกมากมาย เรียกได้ว่ามีครบเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยเลยย โดยเครื่องเล่นจำนวนมากเชื่อมต่อถึงกันค่ะ สนุกได้แบบต่อเนื่อง และการได้ดำผุดดำว่าย ล่องลอยในน้ำเย็นๆ นี่มันฟินจริงๆ เลยย มีให้เลือกทั้งสระน้ำอุ่น สระน้ำเย็น และทะเลคลื่นเทียม
และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Wadi Washed เป็นการแสดงแสง เสียง และน้ำ ที่จำลองน้ำท่วมฉับพลัน โดยปล่อยน้ำกว่า 60,000 ตัน ลงมาจากหน้าผา มีทั้งฟ้าแลบ ฟ้าร้องเปรี้ยงปร้าง ตื่นเต้นสุดๆ
บริเวณรอบๆ ยังมีร้านค้า ร้านอาหารให้บริการอีก และมีไลฟ์การ์ดคอยดูแลตามจุดต่างๆ เพื่อความปลอดภัยตลอดทั้งวัน
สวนน้ำแห่งนี้ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า – 4 ทุ่ม และจะมีการปิดเพื่อบำรุงรักษาทุกปี โดยครั้งต่อไปจะปิดตั้งแต่ 14 มกราคม 2017 ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2017 จ้า
เที่ยวหมู่เกาะต้นปาล์ม The Palm Islands
เมื่อได้มาเที่ยวหมู่เกาะต้นปาล์มนี่ไม่รู้จะอุทานเป็นภาษาอะไรดี *0* คือทั้งสวย ทั้งอลังการ จนเรียกกันว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกเลยล่ะค่า! สุดย๊อดดดดด
ที่นี่เป็นเกาะเทียมกลางทะเลที่สร้างเป็นรูปต้นปาล์ม ขนาดพื้นที่ราว 25 ตารางกิโลเมตร มีแนวของใบปาล์ม 17 แนว และถูกจัดเป็นเมืองสุดหรู มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านอาหารระดับภัตตาคาร สวนน้ำขนาดใหญ่ สปาชั้นเยี่ยมของโลก ห้างสรรพสินค้าที่รวมทุกแบรนด์ระดับโลกไว้ บ้านสไตล์วิลล่าชายทะเล รีสอร์ทและโรงแรมระดับ 5 ดาว และความสุดจะอลังปังเวอร์ก็คือ มีท่าจอดเรือยอชต์สำหรับผู้พักอาศัยในโครงการนี้ด้วยค่าาา โอ่ย รวยไม่สิ้นไม่สุดกันจริงๆ โดยทั้งหมดนี้ได้เชื่อมต่อกับพื้นดินของดูไบ ผ่านสะพานและรถไฟลอยฟ้ายาวประมาณ 5.4 กิโลเมตร เดินทางสะดวกหายห่วงจ้า
ผู้ที่ริเริ่มโครงการนี้ก็คือนายกรัฐมนตรี หรือเจ้าผู้ครองนครดูไบ Shiekh Mohammed bin Rashid Al Maktoum คนเดิมกับเจ้าของตึกเบิร์จคาลิฟานั่นเอง โครงการมีทั้งหมด 3 เกาะค่ะ ได้แก่ The Palm Jumeirah , The Palm Deira และ The Palm Jebel Ali ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมด 7 ปี เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 โดยบริษัท Jan de Nul Group และบริษัท Van Oord จากเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ ได้ใช้ทรายจำนวน 92,234,000 ลูกบาศก์เมตร ถมจนเกิดเป็นพื้นที่ดินเหนือน้ำทะเลและเกิดเป็นเกาะไฮโซนี้ ด้วยเงินประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นเอ๊งงง
วัตถุประสงค์ก็เพื่อส่งเสริมธรรมชาติ ทั้งการสร้างแนวปะการังและแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเล ถือเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไปในตัวด้วยค่ะ เพราะท่านนายกรัฐมนตรีรู้ว่า น้ำมันนั้นจะไม่คงอยู่ตลอดไป จึงสร้างแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถอยู่รอดได้โดยไม่ต้องรอเงินจากการขายน้ำมันเพียงอย่างเดียว อ้ะโหหห เป็นไงล่ะ มองการณ์ไกลสุดยอดเลยย
พักโรงแรม Atlantis the Palm
พักโรงแรม Atlantis the Palm โรงแรม 5 ดาว ที่แสนจะอลังการดาวล้านดวง ทั้งบรรยากาศและบริการระดับโลกที่ขอบอกว่าฟินเฟร่ออออ! ดีงามจนได้รับรางวัลรีสอร์ทชั้นนำของโลกในปี 2015 ด้วยนะค้าา *0* เปิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี 2008 ว่ากันว่าพลุที่ใช้ในวันเปิดตัวโรงแรมเป็นพลุที่เเพงที่สุดในโลก และสามารถมองเห็นได้จากอวกาศอีกด้วยย โอ้โห แค่เริ่มต้นก็ OMG!! สุดๆ
โรงแรมนี้ตั้งอยู่บนเกาะ The Palm Islands ในโครงการหมู่เกาะต้นปาล์มค่า ออกแบบโดย บริษัท Wimberly Allison Tong & Goo, Inc. (WATG) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านตึกหรูๆ โดยเฉพาะ ออกแบบทั้งโรงแรม แหล่งบันเทิง และแหล่งช็อปปิ้งดังๆ มากมายทั่วโลกมานานถึง 50 ปี โดยได้ออกแบบ โรงแรม Atlantis the Palm เป็นตึกขนาดใหญ่สีชมพู pink gold (หรูหรา ไฮโซตั้งแต่สีตึกกันเลยทีเดียว >3< ) มีทั้งหมด 46 ชั้น แบ่งออกเป็นสองฝั่งและเชื่อมเข้าหากันด้วยซุ้มสะพานโค้ง ท่ามกลางชายหาดส่วนตั๊วส่วนตัวค่ะ มีทั้งสวนน้ำ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใต้ทะเล ศูนย์ดำน้ำ สปา ฟิตเนส ร้านค้าช็อปปิ้งระดับไฮเอนด์ ร้านอาหารสุดหรู สิ่งบันเทิงต่างๆ และ Dolphin Bay โชว์ปลาโลมาที่เราสามารถลงไปว่ายเล่นกับบรรดาปลาโลมาแสนรู้ได้แบบใกล้ชิดและชิดใกล้ แอร้ยย มีความตื่นเต้น
ในส่วนของห้องพักนั้นมีขนาดใหญ่โตมว้ากก ตกแต่งไว้อย่างเลิศ หรูหราจนอยากจะกรีดร้องงง วิวแจ่มทุกห้อง มองออกไปจากระเบียงจะเห็นทะเลและวิวขอบฟ้าสวยๆ ของเมืองดูไบด้วยค่า และทีเด็ดของที่นี่ก็คือออ! ห้องใต้น้ำ *0* เป็นห้องพักที่ยามหลับยามตื่นก็จะเห็นปลาเล็กปลาน้อย ปลาฉลาม ปลากระเบน ทุกปลามาหมด >,< รวมถึงสัตว์น้ำอื่นๆ อีกราว 65,000 ชนิด แหวกว่ายอยู่ตรงหน้าราวกับเราเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันนานนับ 10 ปี ฮิฮิ
ส่วนร้านอาหารนั้นมีให้เลือกมากมาย แถมรสชาติเยี่ยมค่ะ มีร้านที่ล้อมรอบด้วยอะตู้ปลาขนาดใหญ่ สวยและเพลินมากๆ มองปลาในกระจกไป มองในจานตัวเองไป 5555 การบริการนั้นก็เลิศขึ้นชื่อระดับโลก อาหารก็แสนอร่อย นี่จะเลิศไปทุกอย่างเลยใช่แมะ? เพอร์เฟคทุกอย่างขนาดนี้จะพลาดได้เยี่ยงไร ใครมาขอให้ลองสัมผัส รับรองเลยว่า ฟิ๊นนนนนน!
เที่ยวสวนน้ำ Aquaventure
ใครชอบการผจญภัยใต้น้ำที่สนุกสุดมันส์ต้องมาเที่ยวสวนน้ำ Aquaventure เลยจ้าาา ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสวนน้ำที่อลังการแสนตื่นเต้นที่สุดในโลกและดีที่สุดในดูไบด้วย *0* มีขนาดใหญ่มหึมาบนพื้นที่กว่า 42 เอเคอร์ อยู่ติดกับโรงแรม Atlantis บนเกาะ The Palm Islands
เครื่องเล่นมีเต็มไปหมด แต่ละชิ้นนี่ตื่นตาตื่นใจและเสียวไส้มากกก ทั้งหอคอยแห่งโพไซดอน (The Tower of Poseidon) เป็นสไลด์เดอร์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำลองให้รู้สึกเหมือนต่อสู้กับกษัตริย์แห่งท้องทะเลอยู่ ระหว่างทางกว่าจะผ่านไปแต่ละด่านได้ บอกได้คำเดียวว่า ระทึก!
A Shark Safari สำรวจใต้น้ำโดยจะต้องใส่หมวกกันน็อคพิเศษเฉพาะ เพื่อชมสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล สามารถเห็นปลาฉลามว่ายฟิ้วววววไปมาได้แบบชัดๆ เต็มตาเลยทีเดียว >,<
Atlantean Flyer Zip Line โหนสลิงผ่านอากาศที่มีระยะทางยาวที่สุดในย่านตะวันออกกลาง ชมวิวของสวนน้ำจากมุมสูง และมองออกไปจะเห็นเส้นขอบฟ้างามๆ ของดูไบอีกด้วยจ้า
และเครื่องเล่นสุดฮิตคือ หอคอยแห่งดาวเนปจูน (The Tower Of Neptune) เป็นอุโมงค์มืดลึกลับให้ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ และจะถูกปล่อยด้วยความเร็วสูงตามท่อยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร ลงสู่ท้องทะเลไปหาฝูงฉลามที่แหวกว่ายอยู่ด้านล่าง กรี๊ดดดดด น้ำนี่ไหลเชี่ยวสุดๆ คลื่นยักษ์ก็มา น้ำตกสาดกระเด็น นี่นึกว่ากำลังผจญภัยอยู่จริงๆ ก่อนที่จะโผล่ขึ้นไปสู่สวนน้ำของสวนสนุก อ่าาาส์ ลูกรอดแล้วววว T3T
เครื่องเล่นสำหรับนักผจญภัยตัวน้อยก็มีนะคะ Splasher สนามเด็กเล่นในน้ำ มีทั้งสไลด์เดอร์ สะพานเชือก ปืนใหญ่น้ำ และเครื่องเล่นมากมาย แอร้ยย เหมาะกับเราที่ซู้ดดด 555
และพื้นที่สำหรับสายชิล ผ่อนคลายบนชายหาดส่วนตัว พร้อมเก้าอี้อาบแดดไว้บริการ หรือจะล่องน้ำชิลๆ ไปเรื่อยๆ ตามสวนน้ำที่จำลองปรากฎการณ์ทางธรรมชาติไว้ได้สมจริงมาก โดยเครื่องเล่นทุกอย่างนี้เชื่อมถึงกันเบบไม่ต้องต้องขึ้นจากน้ำเลยล่ะค่า
มีร้านขายของที่ระลึก อุปกรณ์ของใช้สำหรับเล่นน้ำมากมาย ทั้งของเล่นชายหาด ครีมกันแดด หิวๆ ก็มีร้านอาหารคอยให้บริการ ทั้งอาหารว่าง และเครื่องดื่ม ครบครันกว่านี้มีอีกไหมมม ไม่แปลกใจเลยค่ะที่สวนน้ำ Aquaventure จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตและดีที่สุดในดูไบ
และเมื่อถึงวันเกิดทางสวนน้ำยังมีของขวัญเป็นบัตรเข้าสวนน้ำฟรี! เพียงแค่เข้าไปลงทะเบียนในเว็บไซด์ https://www.atlantisthepalm.com เลยจ้า
เล่นสกี ดูไบ Mall of the Emirates
อยากสัมผัสหิมะในเมืองทะเลทรายไหมคะทุกคนนน มาเที่ยวสกี ดูไบ แห่งแรกในตะวันออกกลางที่ห้าง Mall of the Emirates กันนนน >,< ระดับดูไบนี่ทำได้ทุกอย่างจ้า ครั้งนี้ได้ยกสวนหิมะในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก! ขนาด 3,000 ตารางเมตรมาไว้กลางเมือง ถึงอากาศข้างนอกจะร้อนแค่ไหน แต่คนที่อยู่ในนี้เริงร่าท้าความเย็นกันอย่างสนุกสนาน เพราะทุกอย่างเหมือนจริงอย่างกับอยู่ในประเทศเขตหนาวเลยแหละ ทั้งถ้ำหิมะ ภูเขาหิมะ โดยหิมะที่นี่เกิดจากการปล่อยน้ำเย็นจากเพดานของโดม เมื่อน้ำเย็นปะทะกับสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด ก็ตกผลึกกลายเป็นหิมะนั่นเองจ้า
กิจกรรมก็มีมากมายทั้ง สโนว์บอร์ด, รถเลื่อนหิมะ, กระเช้าสกี, กลิ้งลูกบอลยักษ์, Snow Bullet และ สกี โดยแต่ละลู่จะมีความยาวและความลาดชันต่างกันไว้สำหรับหลายวัย หลายระดับ ส่วนใครที่ยังเล่นไม่เป็นก็มีคอร์สสอนนะคะ มีทั้งแบบส่วนตัว แบบหมู่ เข้าแคมป์เลยก็มี
และที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ช่วงเพนกวินพบปะประชาชนค่ะ 5555 จะมีการแสดงของเพนกวินและการเดินขบวน ทั้งเพนกวินพันธุ์ gentoo และราชาเพนกวิน ที่เราจะได้เห็นกันแบบใกล้ชิด น่าร้ากกกกฝุดๆ
หรือจะแวะพักความหนาวมานั่งจิบโกโก้ร้อนๆ ที่ Avalanche Cafe ถ้าหิว ภายในห้าง Mall of the Emirates มีร้านอาหารให้เลือกแบบนับไม่ถ้วนกันเลยทีเดียว
การเดินทางนั้นก็มาง่ายนิดเดียว มาได้ทั้ง รถประจำทาง รถไฟใต้ดิน หรือ รถยนต์ โดยมีที่จอดรถฟรีให้มากกว่า 7,000 คันเลยค่า
เที่ยวตลาดพื้นเมือง Souk Madinat
ตลาดพื้นเมืองโบราณแต่แฝงไปด้วยความโรแมนติก ตกแต่งสไตล์อาหรับผสมผสานกับวัฒนธรรมของตะวันออกกลางแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกที่ไม่ซ้ำกับการเดินตลาดที่อื่นเลยค่ะ เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ผู้คนนิยมมาก เพราะบรรยากาศดี๊ดี มีกลิ่นของน้ำหอมคละคลุ้ง ล้อมรอบด้วยคลองคดเคี้ยว รู้สึกอย่างกับหลุดไปในเมืองโบราณอย่างไงอย่างงั้นเลย >,< เดินได้ทั้งกลางวันกลางคืน ถ้าในตอนกลางคืนจะมีแสงไฟส่องฟ้าทอแสงละมุนละไม แอร้ยย โรแมนติกสุดๆ
ร้านค้าก็มีมากมายทั้งแบบรถเข็น แผงลอย และบ้าน มีร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ ร้านบูติก ร้านอาหารสุดหรูที่มีความหลากหลาย และขึ้นชื่อจากทั่วโลก มีตั้งแต่ร้านกาแฟไปจนถึงภัตตาคาร รสชาติอร่อยตอบสนองทุกคนอย่างแน่นอนจ้า และยิ่งทวีคูณความอร่อยขึ้นไปอีก เพราะได้นั่งทานท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของสถาปัตยกรรมเมืองเก่า และคลองโดยรอบ
และยังมีกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ ด้วยนะคะ ทั้งการแสดงที่โรงละคร Madinat ทัวร์ของคลองน้ำที่สวยงาม และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่น่าตื่นเต้น แสง สี เสียง ตื่นตาตื่นใจ พร้อมออกเสตปในยามราตรี สายแดนซ์ต้องมา 555
โดยร้านค้าเปิดตั้งแต่ 10 โมง ถึง 5 ทุ่ม และ ร้านอาหารเปิด 8 โมง ถึง ตี 2 ของทุกวันค่า
เที่ยวทะเลทรายอาหรับ ขับรถจี๊บซาฟารีลุยทะเลทราย ขี่อูฐ
ใครที่ชอบความตื่นเต้นท้าทายเชิญทางนี้จ้าา ขับรถจี๊บซาฟารีตะลุยทะเลทรายอาหรับ ทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีพื้นที่ประมาณ 2,300,000 ตารางกิโลเมตร เด้งดึ๋งๆๆ บนเนินทรายที่ทั้งสูงและต่ำสลับกัน ทั้งลื่น ทั้งชัน แต่ไม่ต้องกลัวคว่ำนะคะ เพราะว่าขับโดยผู้ชำนาญ เชี่ยวชาญซะไม่ว่าหลุมจะต่ำ เนินสูงจะแค่ไหน พี่แกไปหมดค่าาา แล้วภาพในอดีตกาลของคุณทั้งหมดจะมารวมกันตอนนี้ 5555 เพราะมันหวาดเสียวมากก ทุกอย่างแทบตีรวมกันหมด ทรายนี่คลุ้งตลบอบอวล ถ้านั่งหน้าข้างคนขับ หรือนั่งติดประตูจะทวีคุณความเสียวขึ้นไปอีก สนุกสนานซะจนนึกว่ากำลังถ่ายทำเรื่อง Fast & Furious อยู่ ดริฟมันส์เวออออร์
และเมื่อถึงที่หมายกลางทะเลทราย ความรู้สึกเมื่อกี้ก็หมดลง ความตะลึงได้เข้ามาแทน เพราะสวยมากกกกๆ ทรายละเอียดมาก คุ้มค่ากับการตะลุยผจญภัยมาสุดๆ ถ้ามาช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดินตัดเนินทรายจะเป็นอะไรที่แสนประทับใจมากเลยค่า
และมีอีกกิจกรรมคือ การขี่อูฐค่ะ มีอูฐอยู่หลายตัวมาก บางตัวก็หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส บางตัวก็หน้าง่วง 555 ถ่ายรูปกันได้ตามใจชอบ น่ารักจังเลยย มาอยู่บ้านพี่มั้ยจ๊ะ >,< ตอนขึ้นก็หวาดเสียวดี แต่พอขึ้นไปแล้วก็ไม่อยากจะลง นั่งสบาย อ่าส์ ได้ฟีลเหมือนในโปสเตอร์อาหรับ ที่มีคนขี่อูฐตามหาต้นกระบองเพชร อิอิ
ถือว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรมาเก็บประสบการณ์ให้ได้ซักครั้งค่ะ มันส์แน่! ฟันธง!!
และเมืองต่อมาคือ เมืองอาบูดาบี เมืองแห่งการพักผ่อน ที่ผสมผสานความดั้งเดิมกับความล้ำสมัยไว้ได้อย่างลงตัว ถ้าได้มาเที่ยวเมืองนี้แล้วล่ะก็ จะทำให้วันหยุดของคุณเพลินไปทั้งวัน จนไม่อยากกลับไปทำงานเลยล่ะค้า กร้ากกก
เที่ยวมัสยิด Sheikh Zayed
มัสยิดที่สวยที่สุดในโลกกกกกก งามสมกับตำแหน่งจริงๆ ค่า สวยจนต้องมอบมงให้ ใหญ่โตโอ่อ่าอลังการเกินจะบรรยาย ออกแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ สีขาวสะอาดตา และยังมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยยย *0*
ได้ถูกออกแบบและก่อสร้างจากช่างที่มีฝีมือทั่วโลกกว่า 3,000 คน และ 38 บริษัทเลยทีเดียวค่า โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1996 และเสร็จในปี 2007 วัสดุที่ใช้ก็มีทั้งหินอ่อน เซรามิก คริสตัลและทองคำ เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามได้อย่างหลากหลายและลงตัวเป็นที่สุด เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทุกคน และยังเป็นสุสานหลวงฝังพระบรมศพของ Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyan อดีตประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นผู้สร้างมัสยิดแห่งนี้ไว้ก่อนจะสวรรคตด้วยค่ะ
ที่นี่สามารถรองรับผู้มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้สูงถึง 40,000 คน ห้องโถงละหมาดหลักสามารถรองรับได้ประมาณ 7,000 คน และถูกจัดให้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 25 ของโลก โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมมัสยิด Sheikh Zayed แห่งนี้ถึง 4.7 ล้านคนเลยจ้า แม่เจ้าา แต่งดงามขนาดนี้ก็ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็อยากมา เต็มร้อยให้ร้อย เต็มพันให้พันเลยเอ้าา! จัดเป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดเล้ยยยย
พักโรงแรม Emirates Palace
โรงแรม 5 ดาวสุดอลังปังเว่อออร์ หรูหราตระกาลตาจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเอื้อนเอื่อย *3* อร้ายยย เห็นแค่ด้านนอกของโรงแรมก็อึ้งแล้วจ้า มองเห็นมาแต่ไกล อย่างกับพระราชวังของเจ้าหญิงในเทพนิยายอาหรับเลยแหละ ทุกอณูทุกมุมของที่นี่เต็มไปด้วยความหรูหรา มีเสน่ห์มากๆ จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดของอาบูดาบีเลยค่า
โดยได้ใช้เนื้อที่ริมชายหาดส่วนตัวประมาณ 1.3 กิโลเมตร การตกแต่งแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมอาหรับแบบดั้งเดิม ทำจากทอง หินอ่อน และแก้วโมเสค และยังประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าที่ทำจากคริสตัล โอ้โหห ตาแทบบอดค่ะคุณขา วิ้งวับมากๆ ออกแบบโดย John Elliot สถาปนิกชาวอังกฤษชื่อดังค่ะ
ภายนอกล้อมรอบด้วยสวนที่เขียวชอุ่ม ต้นปาล์มเรียงรายอย่างกับมายืนรอต้อนรับพวกเรา น้ำพุสุดหรูหราที่เปิดแทบตลอดเวลาแบบไม่หวั่นค่าน้ำ ยิ่งวิวตอนกลางคืนนะแม่คุณเอ้ยยยย สวยงามจนแทบร้องขอชีวิตเลยจ้า
เป็นโรงแรมที่มีเทคโนโลยีทันสมัยใหม่ล่าสุด และสิ่งอำนวยความสะดวกก็มากมาย ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส บริการสปา สนามเทนนิส ท่าจอดเรือส่วนตัว ร้านอาหารชั่นเยี่ยม ที่นำอาหารจากทุกประเทศ ทุกวัฒนธรรมทั่วโลกมารวมไว้ที่นี่ พร้อมวิวสวยๆ ให้อิ่มกันทั้งอาหารท้อง และอาหารตา เพลินฝุดๆ
ห้องพักก็แสนจะฟิน นึกว่านอนอยู่บนสรรค์ชั้น 7 เลยทีเดียววว แต่ละห้องจะมีจอทีวีพลาสม่า 61 นิ้ว แม่เจ้า คิดว่าโรงหนัง 5555 และมีพนักงานประมาณ 2,000 คน กว่า 50 สัญชาติคอยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วยค่าา อะไรจะเริ่ดขนาดดดดนี้ ไม่แปลกใจที่ทักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงดารา คนดัง และคนสำคัญต่างมาพักที่นี่ งั้นเราจะพลาดไปได้อย่างไรใช่ม้า >,<
เที่ยวสวนสนุกเฟอร์รารี่ เวิลด์ Ferrari World
สายซิ่งรายงานตัวจ้าาา ใครที่หลงรักรถแข่งอย่างเฟอรารี่ไม่ควรพลาดที่นี่เลย เฟอร์รารี่ เวิลด์ สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกกกก มีพื้นที่กว่า 2,152,782 ตารางฟุต หลังคาสีแดงโดดเด่นเป็นสง่า เด่นซะจนถ้านั่งอยู่บนเครื่องบินมองลงมาก็เห็นอะค่ะ 555 ออกแบบโดยบริษัท Benoy โดยได้แรงบันดาลใจมาจากส่วนโค้งของตัวถัง Ferrari GT นั่นเอง ส่วนข้างในก็ยิ่งใหญ่อลังการไม่ผิดหวังเลยค่า ใช้ทุนการสร้างกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ แถมรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึงหนึ่งหมื่นคนต่อวันเลยทีเดียว อู๊ววววว ใหญ่จริงไรจริง จุดประสงค์ที่สร้างขึ้นก็เพื่อระลึกถึงผู้ผลิตรถยนต์เฟอร์รารี่ขวัญใจคนทั่วโลกค่ะ
ที่นี่มีเครื่องเล่น และกิจกรรมหลากหลาย เลือกกันได้ตามใจชอบเลยจ้า เกิดมาเพื่อคนที่ชอบรถ ชอบความเร็ว และความตื่นเต้น เร้าใจโดยเฉพาะ >,< มีตั้งแต่เครื่องเล่นสำหรับเด็กที่เสียวเบาๆ ไปจนถึงขั้นเสียวตับไตไส้พุงกันเลยทีเดียว มีทั้งการชมประวัติของการแข่งขันตั้งแต่แรกเริ่ม และความเป็นมาของโรงงานเฟอร์รารี่, ชมการแข่งขันสุดพิเศษอย่างใกล้ชิดติดขอบสนาม, โรงละครเก่าแก่ของอิตาลี, จำลองการขับรถบนถนน, ขับรถเฟอร์รารี่จำลอง, เล่นเกมโชว์ทดสอบความรู้เกี่ยวกับเฟอร์รารี่, นั่งโดมขนาดยักษ์ขึ้นสูงชมหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของเฟอร์รารี่, โรงเรียนสอนขับรถยนต์สำหรับเด็ก
และเครื่องเล่นที่ห้ามพลาดของที่นี่ก็คือออ Formula Rossa รถไฟเหาะที่เร็วที่สุดในโลกค่า!! มีความเร็วถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม่เจ้าาา นี่ลูกกำลังแข่งรถอยู่รึเปล่าา ลาก่อนผมที่เซทมา 5555 แต่มันส์ได้ใจสุดๆ ไปเลย มาถึงทั้งทีต้องลองค่ะต้องลอง
และยังมีร้านขายโมเดลจำลองของเฟอร์รารีตั้งแต่ในยุคอดีตที่หายากมาจนถึงปัจจุบัน และของที่ระลึกมากมายสำหรับแฟนๆ ขาซิ่งโดยเฉพาะ ส่วนร้านอาหารก็จะเป็นสไตล์อิตาเลียนแบบแท้ๆ มาเอง ทั้งพิซซ่า พาสต้าที่ทำสดๆ ใหม่ๆ กาแฟเอสเพรสโซอิตาเลียนแท้ๆ และเบเกอรี่ที่แสนอร่อยหอมกรุ่นจากเตาทุกวัน อิอิ
เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ถึงจะไม่ได้เป็นคนรักรถแข่ง แต่ถ้าได้มาเที่ยวเฟอร์รารี่ เวิลด์แห่งนี้ จะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนค่า
ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.yingpook.com
No comments:
Post a Comment