CASINO ONLINE

CASINO ONLINE
CASINO ONLINE

Friday, June 21, 2019

เรื่องน่ารู้เกาะเสม็ด ระยอง ใกล้กรุงเทพฯ มีเวลาน้อยก็เที่ยวได้



 ถ้าถามว่าจะไปเที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ ที่ไหนดี เกาะเสม็ดก็จะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ ท่าน ไม่ใช่เพียงแค่ระยะทางที่ไม่ไกลเท่าไรนักจากกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่เกาะเสม็ดยังมีดีกว่านี้อีกมาก และเพราะอะไรใคร ๆ ก็ตกหลุมรักที่นี่ บาคาร่า เราจะพาไปทำความรู้จักกับเกาะเสม็ดให้มากขึ้น พร้อมกับแนะนำเกร็ดท่องเที่ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยค่ะ เริ่มกันที่..

เกาะเสม็ด อยู่ที่ไหน
          เกาะเสม็ด ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพ ตำบลบ้านเพ อำเภอเมืองระยอง ราว ๆ 6.5 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
เกาะเสม็ด กับเกาะแก้วพิสดาร
          เกาะเสม็ดเป็นเกาะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,125 ไร่ ถ้าหากมองจากด้านบนจะเห็นว่าเกาะแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับสามเหลี่ยม ประกอบกับบนเกาะแห่งนี้มีหาดทรายสวยงามตา ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่า ที่นี่คือ เกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ของสุนทรภู่ กวีเอกชื่อดังในสมัยตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์


          ส่วนที่ได้ชื่อว่าเกาะเสม็ดนั่นก็เพราะว่า บนเกาะแห่งนี้มีต้นเสม็ดขาวและเสม็ดแดงขึ้นอยู่มาก โดยชาวบ้านจะนำมาใช้เป็นไต้สำหรับจุดไฟ

เสน่ห์ของเกาะเสม็ด
          ถึงแม้ว่าเกาะเสม็ดจะอยู่ใกล้กับฝั่ง แต่ก็ยังมีท้องทะเลและชายหาดที่สวยงาม มีความป็นธรรมชาติอยู่ไม่น้อย มีพื้นที่ป่าและภูเขามากกว่า 70% พื้นที่ชายหาดแต่ละแห่งก็มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป บางชายหาดเม็ดทรายจะเนียนละเอียดเป็นสีขาวสวยสะอาดตา บรรยากาศเงียบสงบ มีที่พักหลากหลายระดับให้บริการ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จึงเหมาะแก่การพักผ่อนสำหรับคนที่มีเวลาน้อย หรืออยากหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ

ที่เที่ยวบนเกาะเสม็ด
          เกาะเสม็ดมีพื้นที่กว้างขวางมากกว่า 3,000 ไร่ ซึ่งมีชายหาดและอ่าวต่าง ๆ อยู่มากมาย พร้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น


อ่าวน้อยหน่า เป็นที่จอดเรือท่องเที่ยว พร้อมกับชุมชนหมู่บ้านเกาะเสม็ด มีชายหาดยาวราว ๆ 1 กิโลเมตร

หาดทรายแก้ว หาดทรายที่สวยที่สุดของเกาะเสม็ด อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ มีความยาวประมาณ 780 เมตร

อ่าววงเดือน ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ มีลักษณะเป็นชายหาดโค้ง รูปร่างคล้ายเสี้ยวพระจันทร์ ยาวประมาณ 500 เมตร

อ่าวพร้าว ชายหาดทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ยาวประมาณ 200 เมตร

แหลมเรือแตก มีลักษณะเป็นแนวหน้าผาและโขดหินริมทะเล เป็นสถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเกาะเสม็ด

อ่าวไผ่ ชายหาดที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ มีเสื่อสานให้นักท่องเที่ยวนั่งชมวิว และชมการแสดงกระบองไฟ

อ่าวลูกโยน อยู่ใกล้กับท่าเรือหน้าด่าน แต่ชายหาดเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านมากนัก

อ่าวทับทิม ชายหาดโค้ง เล็ก ๆ เงียบสงบ น้ำทะเลใสแจ๋ว

อ่าวนวล อ่าวที่ได้ชื่อว่าเล็กที่สุดบนเกาะ เงียบสงบ น้ำทะเลใสแจ๋ว

อ่าวช่อ ชายหาดเล็ก ๆ บรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว

อ่าวเทียน ชายหาดยาวประมาณ 200 เมตร เป็นพื้นทรายสลับกับโขดหิน

อ่าวลุงดำ อ่าวเล็ก ๆ ชายหาดสวย เงียบสงบ

อ่าวหวาย ชายหาดเล็ก ๆ ร่มรื่น ต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย บรรยากาศเป็นส่วนตัว

อ่าวกิ่วใน จุดชมพระอาทิตย์ตกดินอีกแห่งของเกาะ

อ่าวปะการัง อยู่เกือบปลายสุดของเกาะ มีแนวปะการังมากมาย สามารถดำน้ำตื้นได้

อ่าวกะรัง อยู่ปลายสุดของเกาะเสม็ด มีจุดชมวิวให้ชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

ที่พักเกาะเสม็ด
          ที่พักเกาะเสม็ดมีให้เลือกหลากหลายแบบ หลากหลายราคา แทบทุกหาดบนเกาะเสม็ดจะมีที่พักทั้งหมด บางที่พักจะมีเรือส่วนตัวที่รับลูกค้าจากทางฝั่งบ้านเพไปถึงหน้ารีสอร์ตเลย บางที่พักก็จะต้องมาลงที่ท่าหน้าด่าน แล้วต่อรถสองแถวไป หรือเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่

ขอบคุณแหล่งที่มา  travel.kapook.com

Monday, June 17, 2019

สถานที่น่ากลัวที่สุดในโลก




สถานที่น่ากลัวที่สุดในโลก

หากจะพูดถึงสถานที่ที่มีบรรยากาศสุดหลอนและน่ากลัวที่สุดแล้ว ใครหลาย ๆ คนคงจะนึกถึงสถานที่ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ประสบพบเจอกับความเฮี้ยนหรือได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าสุดเฮี้ยนมามากน้อยแค่ไหน นั่นจึงทำให้การจัดอันดับสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลกจากเว็บไซต์หลาย ๆ เจ้าบนอินเทอร์เน็ตนั้น ประกอบด้วยสถานที่แตกต่างกันออกไป บาคาร่า  แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอนำสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก ที่เว็บไซต์เทเลกราฟของอังกฤษ เพิ่งจะเปิดเผยออกมาแบบสด ๆ ร้อน ๆ รับฮาโลวีนในวันที่ 31 ตุลาคมมาฝากกัน ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ไปดูกันดีกว่าว่าสถานที่ไหนที่ขึ้นชื่อว่าหลอนและน่ากลัวที่สุดในโลกบ้าง

1. หมู่บ้านพลัคลีย์ อังกฤษ
หมู่บ้านนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่เฮี้ยนที่สุดในอังกฤษ โดยมีการยอมรับอย่างเป็นทางการจากกินเนสส์บุ๊ก เมื่อปี ค.ศ. 1989 หลังจากที่มีรายงานการพบวิญญาณ 12-16 ดวง ในหมู่บ้านนี้ โดยหนึ่งในวิญญาณที่มีผู้พบเห็นมากที่สุด คือ วิญญาณผู้ชายที่เฝ้ากรีดร้องวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน ชาวบ้านเชื่อว่าในสมัยก่อนเขาทำงานก่อสร้างบ้านแต่พลัดตกลงมาเสียชีวิต และอีกดวงคือวิญญาณผู้ชายที่ถูกฆ่าตายด้วยการปักดาบผ่านร่างตรึงไว้กับต้นไม้ ซึ่งแม้ว่าต้นไม้จะถูกตัดไปนานแล้ว แต่ปัจจุบันผู้ที่ผ่านไปพื้นที่ดังกล่าวก็จะได้พบเห็นฉากการต่อสู้และฆ่ากันตายฉายซ้ำบนพื้นที่เดิมครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้ยังมีการพบเห็นผีครูใหญ่ที่เคยผูกคอตาย เดินวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านอยู่หลายครั้ง



 2. เกาะตุ๊กตา เม็กซิโก
 เกาะแห่งนี้มีเรื่องเล่าว่า เคยเป็นที่เสียชีวิตของเด็กหญิงรายหนึ่ง เธอจมน้ำตายขณะวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1950 ชายคนหนึ่งนามว่า ดอน จูเลียน ซันทานา บาร์เรรา ได้ใช้เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นบ้าน แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเด็กหญิงอยู่ทุกคืน ทั้งเรียกเขาจากในน้ำ ทั้งร้องเพลง เขากลัวมากจึงเริ่มนำตุ๊กตามาไว้บนเกาะ โดยแขวนมันไว้ตามต้นไม้ทุกต้น และทุกซอกทุกมุมของเกาะ เพราะเชื่อว่ามันคงจะทำให้วิญญาณของหนูน้อยไม่เหงาและสงบลง

             กระทั่งในปี ค.ศ. 2001 ดอน จูเลียน ก็เสียชีวิตลง โดยมีผู้พบศพเข้าคว่ำหน้าจมน้ำอยู่ในจุดเดียวกับที่เด็กหญิงจมน้ำ หลังจากนั้นมา ก็มีคนในพื้นที่เปิดเผยว่าพบตุ๊กตาบนเกาะแห่งนี้หันศีรษะได้ ลืมตาเองได้ และใครที่ริอ่านจะไปลองของต้องระวังอย่าได้คิดนำตุ๊กตาบนเกาะติดไม้ติดมือกลับบ้านเลยเชียว



   3. เกาะฮาชิมะ
 เกาะแห่งนี้มีเรื่องเล่าว่า เคยเป็นที่เสียชีวิตของเด็กหญิงรายหนึ่ง เธอจมน้ำตายขณะวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1950 ชายคนหนึ่งนามว่า ดอน จูเลียน ซันทานา บาร์เรรา ได้ใช้เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นบ้าน แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเด็กหญิงอยู่ทุกคืน ทั้งเรียกเขาจากในน้ำ ทั้งร้องเพลง เขากลัวมากจึงเริ่มนำตุ๊กตามาไว้บนเกาะ โดยแขวนมันไว้ตามต้นไม้ทุกต้น และทุกซอกทุกมุมของเกาะ เพราะเชื่อว่ามันคงจะทำให้วิญญาณของหนูน้อยไม่เหงาและสงบลง

             กระทั่งในปี ค.ศ. 2001 ดอน จูเลียน ก็เสียชีวิตลง โดยมีผู้พบศพเข้าคว่ำหน้าจมน้ำอยู่ในจุดเดียวกับที่เด็กหญิงจมน้ำ หลังจากนั้นมา ก็มีคนในพื้นที่เปิดเผยว่าพบตุ๊กตาบนเกาะแห่งนี้หันศีรษะได้ ลืมตาเองได้ และใครที่ริอ่านจะไปลองของต้องระวังอย่าได้คิดนำตุ๊กตาบนเกาะติดไม้ติดมือกลับบ้านเลยเชียว



 
ขอบคุณแหล่งที่มา  www.google.com

Sunday, June 16, 2019

น้ำตกเหวอีอ่ำ จ.ปราจีนบุรี อลังการม่านน้ำแห่งผืนป่าเขาใหญ่



น้ำตกเหวอีอ่ำ จังหวัดปราจีนบุรี หนึ่งที่เที่ยวน้ำตกสุดอันซีน ที่มีชื่อเสียงร่ำลือกันว่าสวยจนน่าประทับใจ ถูกใจขาเที่ยวแนวผจญภัยสุด ๆ


          อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่เที่ยวที่หลายคนคุ้นเคย ด้วยเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครก็เดินทางไปซึมซับธรรมชาติ แถมเดินทางสะดวก ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แบบนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แต่ส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นกับที่เที่ยวอุทยานเขาใหญ่แบบเดิม ๆ อย่างน้ำตกเหวนรก, น้ำตกเหวสุวัต, น้ำตกผากล้วยไม้ และจุดชมทิวทัศน์ กม.9 เป็นต้น แต่วันนี้เรามีอีกหนึ่งที่เที่ยวในผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มาฝาก "น้ำตกเหวอีอ่ำ" บาคาร่า ว่ากันว่าน่าเที่ยวไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลย แต่จะสวยแค่ไหน เดินทางเที่ยวยังไง วันนี้เราเอามาฝากกันแล้วค่ะ



          น้ำตกเหวอีอ่ำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบุฝ้าย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เป็นน้ำตกอีกแห่งหนึ่งของผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับชื่อเสียงเรียงนามเสียเท่าไร ซึ่ง เฟซบุ๊ก FLASHXOXO ใครไม่ป้ายเราป้าย ได้พาเราไปทำความรู้จักกับน้ำตกเหวอีอ่ำนี้กัน

ทำความรู้จัก "น้ำตกเหวอีอ่ำ"
       
 เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าเขาใหญ่ ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ หน่วย ขญ.11 คลองเพกา เป็นผู้ดูแลผืนป่าแห่งนี้ และเนื่องด้วยน้ำตกเหวอีอ่ำนี้ ยังไม่ได้ประกาศเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ หากต้องการเข้าไปศึกษาธรรมชาติสามารถติดต่อขออนุญาตเข้าไปเที่ยวชมเป็นระยะ โดยติดต่อไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อสอบถามข้อมูลและกำหนดการต่าง ๆ เพิ่มเติม
ตำนานเรื่องเล่าของน้ำตกเหวอีอ่ำ
       
 จากเรื่องเล่าของชาวบ้านที่เล่าขานกันต่อ ๆ มาเกี่ยวกับน้ำตกเหวอีอ่ำ มีอยู่ว่า…มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า “อ่ำ” วันหนึ่งทะเลาะกับสามีแล้วเกิดอาการน้อยใจ เลยตัดสินใจอุ้มลูกน้อยมากระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย เลยได้ชื่อว่า “น้ำตกเหวอีอ่ำ” นั่นเอง

เส้นทางผจญภัยของน้ำตกเหวอีอ่ำ
  เอาจริง ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวน้ำตกเหวอีอ่ำ ต้องมีใจรักการผจญภัยอยู่ไม่น้อย ด้วยเพราะเส้นทางที่ขึ้นไปยังน้ำตกเป็นทางขึ้นเขาค่อนข้างชัน คดเคี้ยว แม้ว่าจะมีการปูซีเมนต์ไว้บ้าง แต่ก็เป็นระยะทางที่ไม่กว้างนัก โดยจะต้องเดินเท้าเข้าไปเป็นประยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร แม้จะเป็นระยะทางไม่ไกล แต่ถ้าไม่ฟิตร่างกายให้ดี ก็เล่นเอาเหนื่อยได้เหมือนกันนะคะ

ไฮไลต์ความสวยงามของน้ำตกเหวอีอ่ำ
น้ำตกเหวอีอ่ำ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ว่ากันว่าช่วงที่น้ำตกสวยงามที่สุดคือช่วงหน้าฝน ซึ่งคุณจะได้เห็นม่านน้ำยิ่งใหญ่สุดอลัง หากแต่ภายใต้ความสวยงามนั้น หากเที่ยวไม่ระวัง ก็อาจเกิดอันตรายด้วยเช่นกัน ด้วยเพราะทางลงไปยังน้ำตกเบื้องล่างเป็นหน้าผาชัน ปกคลุมด้วยต้นไม้ และก้อนหินที่ค่อนข้างลื่น นักท่องเที่ยวควรเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ค่อย ๆ ปีน รับรองว่าได้เห็นความสวยงามอย่างแน่นอน

การเดินทางมาเที่ยวน้ำตกเหวอีอ่ำ
 ใช้เส้นทางรังสิตมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครนายก และเข้ามายังจังหวัดปราจีนบุรี ขับมาจนถึงสี่แยกวงเวียนนเรศวร (อนุสาวรีย์จะอยู่ทางด้านขวามือ) ให้ตรงไปยังทางหลวงหมายเลข 33 ประจันตคาม-กบินทร์บุรี จนถึงแยกประจันตคามให้เลี้ยวซ้ายไปยัง น้ำตกตะคร้อ น้ำตกธารทิพย์ ให้สังเกตจะมีแยกทางซ้ายมือ เลี้ยวไปน้ำตกธารทิพย์ และขับตรงไปอีกราว ๆ 6 กิโลเมตร จะถึงหน่วยฯ ขญ.11 คลองเพกา หรือดูพิกัดการเดินทางได้ที่ Google Maps
ไปพักค้างแรมได้ไหม ?
 
จริง ๆ แล้วนักท่องเที่ยวสามารถไปพักค้างแรมได้ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตลอดทั้งทริป และเพราะว่ายังเป็นที่เที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงไม่มีร้านอาหารขาย ไม่มีไฟฟ้า ดังนั้นใครที่ต้องการขึ้นไปเที่ยวหรือค้างแรม จำเป็นที่จะต้องเตรียมอาหารและเสบียงไปให้เพียงพอ ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปยังน้ำตก


สอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ

          ด้วยเพราะการเที่ยวน้ำตกเหวอีอ่ำ จำเป็นที่จะต้องมีเจ้าหน้าดูแลตลอดทั้งทริป และต้องมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางไปด้วย ก่อนเดินทางยังไงโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 086 092 6527, 086 092 6529, 086 092 6531

ขอบคุณแหล่งที่มา  travel.kapook.com

Friday, June 14, 2019

ตลาดท่านา ชิม ชม ชอป ตลาดเก่าไซส์มินิ





ตลาดท่านา ชิม ชม ชอป ตลาดเก่าไซส์มินิ

        สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับฉัน ไม่ได้มีเพียงแค่ ภูเขา ทะเล และน้ำตก แต่รวมไปถึงสถานที่ที่ยังคงเกาะเกี่ยวเรื่องราว บาคาร่า ของอดีตไว้ได้อย่างชัดเจนมากที่สุด ก็คือ "ตลาดเก่าแก่" เมื่อกาลเวลาผ่านไป ตลาดที่เคยตั้ง ก็ยังคงตั้งอยู่ พร้อมบ้านเรือนไม้ก็ยังคงแข็งแรง เคียงคู่กับผู้คนที่หมุนเวียนจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งร้านค้าต่างๆ ที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมและเฟอร์นิเจอร์ภายในไว้ได้ ราวกับว่า เวลาไม่เคยหมุนเลย ที่แห่งนี้ทำให้ฉันอยากมีโอกาสได้เห็นอดีตครั้งที่ความศิวิไลซ์ยังอยู่ห่างจากความเป็นจริง
ตลาดท่านา เป็นตลาดเก่าขนาดเล็กติดริมแม่น้ำนครไชยศรี จ.นครปฐม ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเดิม โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่มีแนวคิดที่จะคงความเป็นอยู่และอนุรักษ์วิถีชีวิตเช่นนี้ไว้ให้คงอยู่ถึงคนรุ่นหลัง เน้นเรื่องการอนุรักษ์อาคารสถาปัตยกรรมในอดีต ซึ่งจะเห็นได้ทั่วไปในตลาดท่านา จุดแรกที่สะดุดตามากที่สุดก็คือ ร้านขายของเล่นโบราณ บ้านไม้สองชั้นอายุกว่า 100 ปี สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เดินเข้าไปในร้านก็จะเจอของเล่นทั้งเก่าและใหม่ผสมกันอยู่ให้ได้ตื่นตาตื่นใจ ขนาดโตๆ แล้ว ยังแอบซื้อของเล่นชิ้นเล็กๆ ที่จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เคยได้เล่น แถมยังได้พูดคุยกับเจ้าของบ้าน เพราะคุณป้าเรียกให้ฉันเข้าไปในตัวบ้าน ชี้ขึ้นไปบริเวณคานไม้ด้านบนของบ้าน แล้วบอกว่านี่เป็นการสร้างบ้านแบบโบราณ คานไม้ของที่นี่สร้างไม่เหมือนใคร และมันยังแข็งแรงอยู่แบบนี้มารุ่นสู่รุ่น คุณป้ายังคงเชิญชวนให้เข้าไปดูของเล่นหลากหลายในบ้านหลังนี้อย่างมีไมตรีจิต คุณป้าบอกว่าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ให้เข้ามาดูได้ นี่แหละน้ำใจคนไทย รอยยิ้มของคนไทย ที่ไปแห่งหนใดในเมืองไทย ฉันเชื่อว่ายังไงก็ต้องพบเจอ

         หลังจากออกมาจากบ้านหลังนี้ตรงกันจะเจอ ร้านส้มโอ ของขึ้นชื่อ ณ ที่ทำการกำนัน ต.นครไชยศรี ข้างๆ กันมี ร้านเค้กมะพร้าวน้ำหอม ร้านขายน้ำตาลโตนด และที่ฉันแวะมาดูเพราะเจอเหมาเจ๋อตุงขนาดเท่าตัวจริง ยืนยกมืออยู่หน้าร้าน ที่ ร้านบ้านรักท่านา ร้านที่รวบรวมของเก่าไว้อย่างมากมาย อาทิ จักรยานโบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า หุ่นโชว์ ของเล่น ของใช้ต่างๆ จัดร้านได้อย่างน่ารัก สไตล์เรโทรสุดๆ ใครนิยมชมชอบสไตล์นี้แล้วต้องไม่พลาด ส่วนตรงข้ามกันก็มี ร้านขายขนมมาม่อนจัง เดินไปอีกหน่อยก็แวะกินของอร่อยๆ ได้ที่ ร้านติ๊ก โภชนา อยากคลายร้อนก็แวะกินขนมปังเย็น ไอติมโบราณ เพราะที่นี่มีให้เลือกสรรอยู่หลายร้าน หรือจะกินก๋วยเตี๋ยวแคระสูตรโบราณก็เพลินอุราดีแท้ นอกจากนี้ยังมีร้านเก่าแก่อีกมากมาย ให้ได้กดชัตเตอร์อย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็น บ้านปิ่นโตจีน ที่ด้านในยังคงเป็นบ้านคน มีเฟอร์นิเจอร์เก่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ หรือตู้ให้ชม ร้านขายของชำ ร้านขายยาเอียะแซ ขายยาทุกชนิด การบูร ผงพะโล้ เบี้ยแก้ ปรอท ตะกั่ว อยู่หลังประตูบานเฟี้ยมสีขาวคาดเขียวอ่อน ภายในบ้านชั้นเดียว ตรอกเล็กๆ บริเวณด้านหลัง มีบ้านไม้โบราณให้ได้ชมอย่างต่อเนื่อง มีร้านขายของเล่นแทรกตัวอยู่ในตรอกแคบๆ แต่มีมนต์เสน่ห์

       เรื่องอาหารที่นี่ไม่ต้องห่วงขอบอกว่าอิ่มสุดพลัง มีร้านอาหารให้แวะเยอะมาก ร้านข้าวมันไก่ ร้านขายก๋วยจั๊บ ร้านกุนเชียงอาซิ้มที่ขายทั้งกุนเชียง หอยจ๊อปู ปลาช่อนสดแช่น้ำปลาทอด ข้างๆ กันก็มีร้านขายน้ำพริก ร้านเกียเฮงเป็ดพะโล้ สารพัดให้เลือกซื้อกลับไปฝากคนที่อยู่กรุงเทพฯ หรือจะมานั่งให้อาหารปลาบริเวณท่าน้ำ ก็เพลินๆ ดี มีเก้าอี้ไว้คอยบริการ แต่ฉันเลือกเดินขึ้นสะพาน ขอมองตลาดท่านาอย่างกว้างๆ ให้เต็มตา เบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามกับจุดที่ฉันยืนคือ สะพานเหล็กข้ามแม่น้ำนครไชยศรีสวยมากๆ
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ ใครยังไม่มีโปรแกรมไปไหน ก็แวะมาตลาดท่านากันดู ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ของกินเพียบ มุมถ่ายรูปเก่าๆ ก็เยอะ ของเก่าก็มีให้ชม ให้เลือกซื้อ อาจจะแวะไปไหว้พระที่องค์พระปฐมเจดีย์เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนก็ได้ หรือจะข้ามสะพานตรงจุดที่ฉันยืนมอง เพื่อแวะไปพิพิธภัณฑ์เจษฎา เทคนิค มิวเซียม ไปชมรถโบราณ เรือ รถคลาสสิกมากมาย แม้กระทั่งเครื่องบินลำโต ว่าแล้วที่นครไชยศรีมีอะไรดีๆ อีกเยอะ

การเดินทาง:
จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ผ่านพุทธมณฑลสาย 8 ตรงไปรวมกับถนนเพชรเกษมไปทาง จ.นครปฐม แล้วเลี้ยวขวาที่สี่แยกท่านา (อ.นครชัยศรี) เข้าสู่ตัวตลาดท่านา

ขอบคุณแหล่งที่มา  www.sanook.com

จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม จ.สุโขทัย สัมผัสความสุขพร้อมลมหนาวแบบเต็ม ๆ


จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม จ.สุโขทัย สัมผัสความสุขพร้อมลมหนาวแบบเต็ม ๆ

  จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม จังหวัดสุโขทัย อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกสวย ๆ ช่วงหน้าหนาว เสพวิวธรรมชาติสวยโอบล้อมภูเขาและทะเลหมอก
          สุโขทัย จังหวัดน่าเที่ยวของไทย ที่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวแบบไทย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติสวย และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมแสนเรียบง่าย และสำหรับช่วงหน้าหนาวนี้ สุโขทัยก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศลมหนาวพัดมาชิล ๆ แบบนี้ ต้องนี่เลย…จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม บ้านปางตะเคียน บรรยากาศจะเป็นอย่างไร สวยจนตราตรึงมากน้อยแค่ไหน ตามมาดูกันเลย บาคาร่า

 จุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม ตั้งอยู่ที่บ้านปางตะเคียน ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เสน่ห์ความสวยงามของจุดชมวิวแห่งนี้อยู่ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมวิวธรรมชาติที่สวยงาม มองเห็นทิวเขา โอบล้อมด้วยภูเขาลูกน้อย-ใหญ่ โดยช่วงเช้าคุณจะมองเห็นสายหมอกลอยปกคลุมทั่วพื้นที่ และในตอนกลางคืนจะมองเห็นแสงไฟจากหมู่บ้านเบื้องล่าง ส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาว

จุดชมวิวดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือของชุมชน โดยผู้ใหญ่บ้าน อบต. ชาวบ้าน และกลุ่มเยาวชน ร่วมกันพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ขึ้นมา ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริป หรือจะนอนค้างคืน เอาใจนักท่องเที่ยวที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติให้มากขึ้น

          1. ชมทะเลหมอกยามเช้า นักท่องเที่ยวควรมาถึงโรงเรียนบ้านปางสา ประมาณ 04.00 น. หลังจากนั้นขึ้นรถชาวบ้านในหมู่บ้านไปถึงทางขึ้นเขา ชมทะเลหมอกยามเช้า

          2. นอนค้างคืนบนยอดเขาและชมทะเลหมอกยามเช้า นักท่องเที่ยวควรมาถึงโรงเรียนบ้านปางสา ประมาณ 16.00 น.

          หลังจากนั้นขึ้นรถชาวบ้านในหมู่บ้านไปถึงทางขึ้นเขา นอนพักแรมบนยอดเขาและชมทะเลหมอกยามเช้า

สำหรับทริปนอนค้างคืนมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้

          1. ค่ารถอีแต๊กจากในหมู่บ้านไปถึงทางขึ้นเขาพร้อมไกด์นำขึ้น คันละ 400 บาท สามารถนั่งได้หลายคน

          2. ค่าเช่าเต็นท์พร้อมหมอน ผ้าห่มและเสื่อปูนอน หลังละ 250 บาท นอนได้ 2-3 คน

          3. ค่าลูกหาบถ้าเอาของขึ้นไปไม่ไหว กิโลกรัมละ 20 บาท

การเดินทางมายังจุดชมวิวกิ่วตะเคียนงาม

          จากตัวอำเภอศรีสัชนาลัย ประมาณ 30 กิโลเมตร และต้องเดินขึ้นดอยอีกประมาณ 500 เมตร มีขั้นบันไดและราวจับ ใช้เวลาเดินทางจากจุดจอดรถถึงยอดเขาประมาณ 30 นาที

          ก่อนที่หน้าหนาวจะหมดไปคราวนี้ นักท่องเที่ยวคนไหนที่สนใจอยากมาดื่มด่ำธรรมชาติที่นี่ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่ชื่น ปวนกันทา โทรศัพท์ 096 670 0469 อบต.ก้าน ดงดอน โทรศัพท์ 064 675 4761 และ อบต.วัชรพล ตาเปี้ย โทรศัพท์ 085 604 6221

Wednesday, June 12, 2019

Chiangkan River Green Hill นอนเต็นท์สไตล์โบฮีเมียนริมฝั่งโขง เชียงคาน



Chiangkan River Green Hill นอนเต็นท์สไตล์โบฮีเมียนริมฝั่งโขง เชียงคาน

เรียกได้ว่าฤดูกาลท่องเที่ยวกรีนๆ แบบช่วงหน้าฝนนี้ เชียงคานถือว่าเป็นอีกหนึ่งดรีมเดสทิเนชั่นของใครหลายๆ คนเลย ด้วยบรรยากาศอันแสนชุ่มฉ่ำ อากาศเย็นสบาย และวิวธรรมชาติริมฝั่งโขงสวยๆ ซึ่งที่เชียงคานมีที่พักแห่งหนึ่งชื่อว่า Chiangkan River Green Hill ที่พักเต็นท์กระโจมสไตล์โบฮีเมียนที่เป็นดั่งขุมทรัพย์ที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ที่เชียงคานเลยทีเดียว มานอนพักผ่อนที่นี่ บาคาร่า จะสร้างประสบการณ์และความทรงจำดีๆ ให้กับทริปเชียงคานของคุณแน่นอน

บรรยากาศแห่งความเขียวขจีในยามเช้าของหน้าฝน ที่รายล้อมเต็นท์กระโจมสไตล์โบฮีเมียนของที่นี่เอาไว้นั้น เป็นภาพบรรยากาศที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ความสบายตาสบายใจ แถมในบางวันยังมีสายหมอกแห่งหน้าฝนลอยมาปกคลุมในโซนเต็นท์กระโจมเหล่านี้เอาไว้ด้วย ได้บรรยากาศการมาเที่ยวหน้าฝนมากๆ

นอกจากบรรยากาศโดยรอบแล้ว ที่ Chiangkan River Green Hill  ยังมีวิวแม่น้ำโขงอยู่ด้านหน้าในชนิดที่ว่าเปิดประตูเต็นท์ออกมาก็สามารถเสพความฟินจากความสวยงามของโค้งน้ำในยามเช้าได้แบบประทับใจสุดๆ เป็นวิวจากห้องนอนในฝันของหลายๆ คนเลย
ในส่วนของด้านในเต็นท์กระโจมแต่ละหลังนั้นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันทั้งเตียงนอน หมอน ผ้าห่ม ปลั๊กไฟ ในตอนกลางคืนอากาศจะหนาวเย็นมาก นอนซุกตัวในผ้าห่ม ท่ามกลางหมู่ดาว คือดีงาม!

ใครกำลังมองหาที่เที่ยวในช่วงหน้าฝนนี้อยู่ ลองพาตัวเองมาพักผ่อนที่เชียงคานแล้วพักที่ ChiangKhan River Green Hill กันดูครับ หน้าฝนของคุณจะถูกบันทึกไว้ในความทรงจำที่ประทับใจแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง ChiangKhan River Green Hill : เลขที่ 111 หมู่ 8 บ้านผาแบ่น, ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

ขอบคุณแหล่งที่มา  www.sanook.com

Tuesday, June 11, 2019

"อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ" ปางอุ๋งแห่งจันทบุรี



"อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ" ปางอุ๋งแห่งจันทบุรี

ใครที่เคยมีโอกาสได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศของความโรแมนติกที่ปางอุ๋งจังหวัดแม่ฮ่องสอนกันมาก่อนแล้ว คงจะรู้ดีว่าเป็นความรู้สึกที่มีความสุขมากเพียงใดเมื่อเราได้ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามเช่นนั้น ซึ่งในวันนี้เอง Sanook! Travel ได้ค้นพบสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะทางภูมิภาคที่มีความคล้ายคลึงกับปางอุ๋งที่แม่ฮ่องสอนเป็นอย่างมาก แถมยังมีระยะทางที่ใกล้กว่าด้วย ที่แห่งนี้มีชื่อว่า อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ ปางอุ๋งแห่งจันทบุรี บาคาล่า

แน่นอนว่าการเดินทางจากกรุงเทพฯไปสู่จันทบุรีนั้นใกล้กว่าการไปแม่ฮ่องสอนมาก เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนในวันเสาร์อาทิตย์นี้ เราขอแนะนำให้ทุกคนลองไปสัมผัสกันดูครับ

อ่างเก็บน้ำแห่งนี้เป็นจุดกางเต็นท์ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ขอบอกเลยว่าบรรยากาศแบบฟินๆ ที่เราได้เคยสัมผัสตอนไปปางอุ๋งนั้นที่นี่มีหมด ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ที่ทำให้เรารู้สึกชื่นใจเมื่อได้มาอยู่ใต้ร่มเงา หรืออ่างเก็บน้ำที่ในยามเช้าจะมีสายหมอกจางๆ ลอยอยู่ให้เราได้ถ่ายรูปและซึมซับบรรยากาศแบบโรแมนติกนี้กันด้วย

หนำซ้ำในตอนกลางคืนยังมีดาวล้านดวงเป็นเพดานห้องนอนให้เราได้นอนชมกันแบบฟินๆ จนแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสถานที่ที่สวยงามแบบนี้จะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น

ใครที่อยากจะสัมผัสกับบรรยากาศฟินๆ แบบนี้ เพียงแบกเต็นท์และอุปกรณ์แคมป์ปิ้งของคุณไปที่อ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ จังหวัดจันทบุรี คุณก็จะได้เก็บเกี่ยวความสุขและความทรงจำดีๆ กลับมากันแล้วครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้งอ่างเก็บน้ำห้วยตาโบ : หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วที่2(บ้านอ่าง) ต.อ่างคีรี อ.มะขาม จ.จันทบุรี


ขอบคุณแหล่งที่มา   www.sanook.com

Kolae Boat มาสเตอร์พีซแห่งท้องทะเล



Kolae Boat มาสเตอร์พีซแห่งท้องทะเล

แสงแดดยามเช้าตรู่สาดส่องสะท้อนผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ นางฟ้าในมหาสมุทรแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ ราวกับภาพสโลว์โมชั่น ความรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพวาดของโคล้ด โมเนต์ เป็นภาพที่แสนประทับใจ ซึ่งความสวยงามแบบนี้หาดูได้แค่ในท้องทะเลแถบอ่าวไทยเพียงเท่านั้น เนื่องจากภูมิประเทศทางภาคใต้ของไทยส่วนใหญ่มีพื้นที่ติดกับชายฝั่งทะเล ชาวบ้านจึงนิยมประกอบอาชีพทำประมงชายฝั่ง อีกทั้งพาหนะในการเดินทาง รวมถึงวิถีชีวิตของคนที่อยู่ชายฝั่งทะเลนั้นจะมีความผูกพันกับเรืออย่างหลีกเลี่ยงมิได้ โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทะเลของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีเรืออยู่ประเภทหนึ่งซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น นั่นก็คือเรือกอและ

เรือกอและเป็นเรือหาปลาที่แสดงถึงศิลปะทางด้านงานจิตรกรรมที่มีความสวยสดงดงามราวนางฟ้าในมหาสมุทร ด้วยลวดลาย บาคาล่า ที่เป็นเอกลักษณ์และสีสันที่สะดุดตา มีการผสมผสานกันระหว่างศิลปะไทย อิสลาม และจีน องค์ประกอบของลำเรือมีความแตกต่างไปจากเรือหาปลาอื่นๆ นับเป็นศิลปะที่สื่อถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่โดยแท้จริง

ในอดีต ตั้งแต่ชายหาดอำเภอเมือง อำเภอยะหริ่ง อำเภอสายบุรี ของจังหวัดปัตตานี เรื่อยไปจนถึงอำเภอเมือง อำเภอตากใบ ในจังหวัดนราธิวาส รวมถึงท้องทะเลในจังหวัดสงขลา เรือกอและเป็นพาหนะที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของชาวประมงในดินแดนแถบนี้ที่ต้องอาศัยสินในน้ำเลี้ยงชีวิต

คำว่ากอและเป็นภาษามลายู เขียนเป็นตัวอักษรโรมันว่า Kolek (โกเล็ก) หมายถึง โคลงเคลง หรือล่องลอย  ในสมัยก่อนเรือกอและเป็นเรือหาปลาที่มุ่งสู่ทะเลลึกโดยการกางใบแทนฝีพาย เครื่องยนต์รูปทรงเรือกอและมีขนาดใหญ่และยาว แคมเรือลึก สามารถสู้ลมได้  เรือกอและที่แล่นด้วยใบเป็นเรือสุดยอดแห่งความสวยงามที่คนรุ่นใหม่ไม่ได้เห็นมากว่า 30 ปีแล้ว ประกอบกับเรือกอและที่มีความสมบูรณ์แบบในอดีตนั้นลักษณะหัวเรือเรียวยาว และขั้นตอนเต็มไปด้วยศิลปะ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาตามความเชื่อและความงามจากนิยาย จากการบอกเล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

แหล่งกำเนิดเรือกอและในภาคใต้ของประเทศไทยที่ยิ่งใหญ่ในอดีตอยู่ที่บ้านบน ตำบลปะเสยาวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ในปัจจุบันการต่อเรือกอและลดน้อยลงไปมากเพราะความผันแปรของภาวะเศรษฐกิจ ที่ต้องสั่งไม้จากถิ่นอื่นทำให้ได้ไม้ราคาแพง และใช้ระยะเวลาในการต่อเรือที่ยาวนาน

โดยทั่วไปแล้วเรือกอและจะมีหลายขนาด ความยาววัดจากหัวสุดถึงท้ายสุดจะอยู่ที่ 6-10 วา กว้างประมาณ 2-4 ศอก ส่วนความลึกวัดจากท้องเรือถึงสุดแคมประมาณ 2-3 ศอก จึงจะเป็นเรือที่มีลักษณะยาวเรียว ปราดเปรียว แล่นได้เร็ว และโต้คลื่นได้อย่างสวยงาม ส่วนหัวและท้ายของเรือจะแต่งต่อให้เชิดยาวด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ โดยส่วนหน้าของกระดานทำมุมกับผิวน้ำประมาณ 80 องศา สำหรับรูปทรงของหัวเรือกอและมี 2 ชนิด คือ ชนิดหัวยาว และชนิดหัวสั้น ในอดีตจะนิยมชนิดหัวยาว แต่ในปัจจุบันจะนิยมชนิดหัวสั้น

เรือกอและของชาวไทยมุสลิมนั้นนอกจากจะมีความงามทางด้านรูปทรงสัณฐานแล้ว ยังทรงคุณค่าที่สุดตรงลวดลายตั้งแต่หัวเรือจนถึงท้ายเรือ สีที่ใช้เขียนลายจะเป็นสีน้ำมัน มักนิยมเขียนลายเป็นรูปสัตว์ในตำนาน เช่น พวกนกต่างๆ พญานาค หนุมานจับสุวรรณมัจฉา ราหูอมจันทร์ เมขลาล่อแก้วรามสูรขว้างขวาน เป็นต้น ส่วนลายที่ท้ายเรือก็จะเป็นลายท่อนหางของรูปสัตว์ด้านหัวเรือชนิดนั้นๆ

นายอับดุลเลาะ บูละ เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลบูละ รับช่วงมาจากนายตาเยะ บูละ ช่างต่อเรือกอและผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของตำบลปะเสยะวอ จนมาถึงรุ่นพ่อ คือนายมะรีเป็ง บูละ

นายตาเยะ บูละ เป็นช่างต่อเรือกอและที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง ต่อมาจึงคิดทำเป็นเรือกอและจำลองขึ้นเพื่อประดับในบ้าน และมอบให้เป็นของที่ระลึกให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมา ต่อมานายมะรีเป็ง บูละ บุตรชายก็ได้สืบทอดการทำเรือกอและต่อเพื่อจำหน่าย แต่ก็ยังไม่แพร่หลายหรือเป็นที่รู้จักมากนัก ต่อมานายอับดุลเลาะ บูละ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ได้สืบทอดการทำเรือกอและตั้งแต่อายุ 15 ปี จนมีความชำนาญและประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับจากชุมชนและหน่วยงานต่างๆ จนเป็นที่รู้จักแพร่หลาย และได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินดีเด่นในสาขาช่างฝีมือ ในปี พ.ศ. 2543 จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ

ขอบคุณแหล่งที่มา  www.sanook.com

Sunday, June 9, 2019

หมู่ บ้าน งู จง อาง



หมู่บ้านงูจงอาง

ถึงแม้คนกับงูจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ยิ่งเป็นงูที่มีพิษแล้วนั้น คงไม่มีใครอยากอยู่ด้วย แต่ที่หมู่บ้านบ้านโคกสง่า อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น แห่งนี้ ชาวบ้านเกือบทุกหลังคาเรือนเลี้ยงงูจงอางไว้ใต้ถุนบ้าน และจัดการแสดงงู ซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแวะมาที่หมู่บ้านนี้เป็นจำนวนมาก

ชาวบ้านโคกสง่า แรกเริ่มเดิมทีมีอาชีพเกษตรกรรมควบคู่กับการขายยาสมุนไพรซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ แต่เนื่องจากการขายยาสมุนไพรต้องเร่ขายตามหมู่บ้านต่างๆ ด้วยความยากลำบาก จึงเปลี่ยนวิธีการขายใหม่โดยมีการจัดหางูเห่ามาแสดง บาคาร่า  เพื่อดึงดูดผู้คนและสามารถขายยาสมุนไพรได้มากขี้น

แต่เนื่องจากงูเห่าพ่นพิษได้ไกลถึง 2 เมตร จึงทำให้เป็นอันตรายต่อทั้งผู้ชมและหมองูเอง ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาเป็นงูจงอางแทน การแสดงการต่อสู้กับงู ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู้รุ่น และในเวลาต่อมา

การเลี้ยงงูจงอางก็เป็นที่นิยมขึ้นโดยเกือบทุกหลังคาเรือนจะเลี้ยงงูจงอางไว้ใต้ถุนบ้านของตนเอง

ชกมวยกับงู
การเลี้ยงงูจงอางที่บ้านโคกสง่าเป็นการเลี้ยงงูเหมือนสัตว์เลี้ยง เมื่อมีการเดินทางเพื่อเร่ขายยาสมุนไพรไปตามที่ต่างๆ

เจ้าของงูจะใส่งูไว้ในลังไม้และเมื่อเปิดลังไม้ออก งูจะเลื้อยออกมาและแสดงพฤติกรรมธรรมชาติของมัน เช่น การแผ่แม่เบี้ย และข่มขู่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของฝึกฝน ส่วนการหยอกล้อหรือยั่วยุกับงู ตามที่มีการแสดงที่หมู่บ้านโคกสง่านั้น ชาวบ้านเรียกว่า “การชกมวยกับงู” ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และตื่นตาตื่นใจกับการแสดงที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้

งานวันงูจงอาง
จัดขึ้นที่หมู่บ้านโคกสง่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี โดยจะมีการแสดงศิลปะการต่อสู้ระหว่าง คนกับงูจงอาง ขบวนแห่งูจงอาง พิธีบายศรีสู่ขวัญงูจงอาง และการประกวดเทพีงูจงอาง อีกทั้งยังมีการสาธิตว่านและยาสมุนไพรชนิดต่างๆ พร้อมจำหน่ายโดยกลุ่มชาวบ้าน

ว่านพญางู
ภูมิปัญญาด้านสมุนไพรที่หลากหลายของหมอยาบ้านโคกสง่า ได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่จะปลูกว่านต่างๆ แล้วนำมาแปรรูปขายเป็นสมุนไพร หมู่บ้านแห่งนี้จะมี “ว่านพญางู” อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถแก้พิษจากสัตว์มีพิษกัดหรือต่อยได้

Saturday, June 8, 2019

สถานที่ท่องเที่ยวอยุธยา ราชธานีเก่าน่าเที่ยว เมืองแห่งมรดกโลก



ท่องเที่ยวอยุธยา ราชธานีเก่าน่าเที่ยว เมืองแห่งมรดกโลก

รวมสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยา ราชธานีเก่าของไทย เมืองมรดกโลก มากมายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและทรงคุณค่า เที่ยวได้สบาย ๆ ในวันเดียว
         อยุธยา ราชธานีกรุงเก่าเมื่อครั้งอดีตของไทย ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากว่า 417 ปี แม้ว่าจะถูกทำลายจากภัยสงคราม แต่ก็ยังคงเหลือโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของยุคสมัย จนในปี 2534 องค์กรยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้เป็นเมืองมรดกโลก และนั่นยิ่งทำให้อยุธยากลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลางทางท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวชายไทยและต่างชาติ

         และช่วงนี้ดูเหมือนว่ากระแสการเที่ยวอยุธยากำลังกลับมาอินเทรนด์อีกครั้ง อาจเป็นเพราะด้วยกระแส วิเคราะห์บอล  ของละคร "บุพเพสันนิวาส" ทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อย อยากจะลองเที่ยวตามรอยละครดูบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้ว นอกเหนือจากโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญแล้ว อยุธยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั้งตลาดน้ำ พิพิธภัณฑ์ และที่เที่ยวเชิงธรรมชาติสวย ๆ เหมาะสำหรับเป็นโปรแกรมเที่ยววันหยุดอีกเพียบ วันนี้เราจึงรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวอยุธยามาฝาก บอกเลยว่าเที่ยวได้แบบไม่มีเบื่อ

1. วัดพนัญเชิงวรวิหาร
 ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสัก วัดเก่าแก่และมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในอยุธยา เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" หรือ "เจ้าพ่อซำปอกง" อันเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก นอกจากนี้ภายในวัดยังมีความน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ" ซึ่งมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค และ "ตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก" ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก อนุสรณ์ความรักอันน่าเศร้าของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ของไทย และพระนางสร้อยดอกหมาก จากแผ่นดินจีน

2. วัดพุทไธศวรรย์
ตั้งอยู่ในเขตตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา หนึ่งในวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ภายในเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อดำ" พระประธานในประอุโบสถ งดงามด้วยศิลปะแบบอู่ทอง เป็นที่เล่าขานในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ในการดลบันดาลให้หายจากการเจ็บป่วย หรือใครที่อยากมีบุตรก็สามารถขอได้สมความปรารถนา นอกจากนี้ยังมี "องค์ปรางค์ประธาน" ภายในประดิษฐานพระเจดีย์องค์เล็ก ๆ และรอยพระพุทธบาท ให้กราบสักการะ, "ตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" เชื่อกันว่าเป็นที่ประทับของพระพุทธโฆษาจารย์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระเพทราชา รวมถึงยังมี "วิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ" ที่มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้บูชาอย่างต่อเนื่อง

3. วัดไชยวัฒนาราม
  ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โปรดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2173 เดิมพื้นที่วัดไชยวัฒนาราม เป็นที่อยู่ที่สุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ของพระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในช่วงที่ยังไม่เสวยราชสมบัติ เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แล้ว จึงได้โปรดให้สร้างวัดไชยวัฒนารามนี้ขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญให้แก่พระราชมารดา สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ "พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ" เป็นปรางค์ประธานของวัด, "พระระเบียง" ภายในพระระเบียงมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย และ "พระอุโบสถ" ภายในมีซากพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทราย เป็นต้น

4. วัดพระศรีสรรเพชญ์
ตั้งอยู่บนถนนศรีสรรเพชญ์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา เดิมบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แต่ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ย้ายพระราชวังไปทางเหนือ และอุทิศที่ดินเดิมนี้เพื่อสร้างวัดภายในพระราชวัง เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ แต่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา งดงามด้วยศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า อย่าง "เจดีย์" สำคัญทั้ง 3 องค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และพระบรมอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และยังมีวิหาร, หอระฆัง และพระอุโบสถ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มีความเก่าแก่และสวยงามอย่างยิ่ง

5. วัดนิเวศธรรมประวัติ
   ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน เป็นวัดเพียงแห่งเดียวในไทย ที่ภายในเป็นวัดพุทธ แต่สถาปัตยกรรมเป็นแบบคริสต์ จุดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่ความงดงามของพระอุโบสถแบบโกธิค ประดับด้วยกระสีต่าง ๆ สวยงาม ภายในประดิษฐาน "พระพุทธนฤมลธรรโมภาส" และพระสาวก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังเที่ยวชมพระตำหนักฯ สมเด็จพกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, สุสานสวนหินดิศกุลอนุสรณ์ และนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำเพื่อเข้าวัด ซึ่งเป็นวิธีการสัญจรเดียว เนื่องจากวัดนิเวศธรรมประวัติตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำนั่นเอง

อัปเดต ดอกนางพญาเสือโคร่ง 2562 มกราคมนี้ชมเต็มตา




ดอกนางพญาเสือโคร่ง 2562 มกราคมนี้ชมเต็มตา

ชวนชมดอกนางพญาเสือโคร่ง 2562 แนะนำสถานที่ที่สามารถชมดอกนางพญาเสือโคร่งได้สวยที่สุดในเมืองไทย พร้อมทั้งอัปเดตการบานของปี 2562
          ไฮไลต์ของเส้นทางดอกไม้หน้าหนาวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของไทย ก็คงหนีไม่พ้นเทศกาลชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีให้ชมเพียงแค่ที่เชียงใหม่เท่านั้นนะคะ ยังมีที่จังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือด้วย และเพื่อไม่ให้พลาดกัน เราก็เลยจัดสถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่งมาไว้ให้ที่นี่เลย พร้อมกับอัปเดตการบานด้วยค่ะ แต่ละสถานที่อยู่ที่ไหน จะบานเมื่อไร ไปเช็กกัน

1. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
 ดอยอ่างขาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวภูเขาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีสวนสวย ๆ ซึ่งรายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาพรรณให้ได้เที่ยวชมกันตลอดทั้งปี มีจุดชมวิวทะเลหมอกและไร่สตรอว์เบอร์รีอยู่รอบ ๆ หลายจุด แต่ไฮไลต์ที่ไม่ควรพพลาดของหน้าหนาว ก็คือ เทศกาลชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งจะบานตลอดในช่วงเดือนกลางเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกปี

          สำหรับ วิเคราะห์บอล จุดชมซากุระและดอกนางพญาเสือโคร่งบนดอยอ่างขางมีอยู่หลายจุด ในส่วนของดอกซากุระญี่ปุ่น จะอยู่ภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จุดที่สามารถชมได้จะอยู่ภายในสวน 80 ปี, ด้านหน้าอาคารสโมสรอ่างขาง, ด้านข้างสวนกุหลาบอังกฤษ และตลอดเส้นทางเดินรถขาออกฝั่งโรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง และ ณ วันที่ 8 มกราคม 2562 ดอกซากุระญี่ปุ่นได้บานเต็มที่ 100% แล้ว

          ส่วนจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งนั้นสามารถชมได้ที่บริเวณริมถนนก่อนถึงฐานปฏิบัติการอ่างขาง และบ้านขอบด้ง คาดว่าในปีนี้จะเริ่มบานราว ๆ หลังกลางเดือนมกราคม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอ่างขาง โทร. 0 5396 9489

2. ศูนย์อนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
 ศูนย์อนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่บริเวณตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่เพาะพันธุ์และวิจัยเกี่ยวกับพันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ซึ่งมีทัศนียภาพของป่าเขาที่สวยงาม โดยเฉพาะบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งได้ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งไว้มากกว่า 30 ต้น เวลาที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานก็จะเห็นเป็นหุบเขาสีชมพูสะท้อนผืนน้ำกว้าง มีภูเขาอยู่ด้านหลัง บรรยากาศโรแมนติกมาก ๆ
สำหรับในปีนี้ ณ วันที่ 8 มกราคม 2562 ดอกนางพญาเสือโคร่งร่วงแล้วค่ะ เพราะว่ามีฝนตก สอบถามการบานของดอกนางพญาเสือโคร่งได้ที่เฟซบุ๊ก โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์

3. ขุนช่างเคี่ยน จังหวัดเชียงใหม่
 ขุนช่างเคี่ยน หรือชื่อเต็ม ๆ คือ สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่วิจัยกาแฟ และพืช-ผลไม้เมืองหนาว รอบ ๆ เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของขุนเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี

          ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ในช่วงฤดูหนาว ด้วยบริเวณรอบ ๆ สถานีมีต้นนางพญาเสือโคร่งมากมายหลายสิบต้น พอฤดูหนาวมาเยือน ต้นนางพญาเสือโคร่งก็จะผลัดใบ แล้วออกดอกสีชมพูสะพรั่งไปทั่วทั้งหุบเขา บรรยากาศสวยงามโรแมนติกสุด ๆ

          และ ณ วันที่ 17 มกราคม 2562 ต้นดอกนางพญาเสือโคร่งเริ่มบาน 40% แล้วค่ะ ถ้าอากาศไม่เปลี่ยนแปลงก็จะบานเต็มที่ในช่วงหลังจากวันที่ 20 มกราคม 2562 เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5394 4052 และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทรศัพท์ 0 5321 0244

4. ขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ตั้งอยู่บนภูเขาสูงในตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เกิดขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ให้ปลูกพืชผัก-ผลไม้เมืองหนาว มีพื้นที่ประมาณ 450 ไร่ ซึ่งเต็มไปด้วยแปลงไม้ผลเมืองหนาว อาทิ สาลี่, พลัม, ท้อ, เนคทารีน, สตรอว์เบอร์รี เป็นต้น ถ้ามาเที่ยวในช่วงที่ผลไม้ออกผล ก็สามารถเด็ดชิมได้จากต้นเลยล่ะ

          นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่สวยที่สุดในเมืองไทย รอบ ๆ ศูนย์วิจัยมีต้นนางพญาเสือโคร่งปลูกอยู่มากกว่า 30 ต้น จุดไฮไลต์คือ บริเวณริมถนนในศูนย์วิจัย ซึ่งจะมีต้นนางพญาเสือโคร่งปลูกเรียงรายเป็นทางยาว พอดอกบานเต็มที่ก็จะกลายเป็นอุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่ง สีชมพูสวยสะพรั่ง บรรยากาศคล้ายกับต่างประเทศเลยล่ะ

          และ ณ วันที่ 17 มกราคม 2562 ดอกนางพญาเสือโคร่งเริ่มบานแล้วประมาณ 20-25% คาดว่าจะบานเต็มที่หลังจากวันที่ 20-25 มกราคม 2562 เป็นต้นไป สามารถสอบถามรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) โทรศัพท์ 0 5311 4133 หรือเฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง)

5. สันป่าเกี๊ยะ จังหวัดเชียงใหม่
สถานีวิจัยเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ ตั้งอยู่ที่บนภูเขาสูงในเขตตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,560 เมตร นอกจากจะเป็นสถานที่วิจัยและทดลองพันธุ์พืชแล้ว ที่นี่ก็ยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก สามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาวได้ชัดเจน ในช่วงหน้าหนาวก็มีทะเลหมอกให้ได้ชมแบบตระการตา นักท่องเที่ยวจึงนิยมมานอนกางเต็นท์ชมดาว ชมทะเลหมอกกัน

          แต่อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดของที่นี่ก็คือ ดอกนางพญาเสือโคร่ง บริเวณรอบ ๆ สถานีมีต้นนางพญาเสือโคร่งอยู่หลายต้น พอถึงช่วงที่ออกดอกก็พากันส่งสีชมพูหวานไปทั่วทั้งยอดดอย ให้ความรู้สึกโรแมนติกสุด ๆ

          ณ วันที่ 17 มกราคม 2562 ต้นดอกนางพญาเสือโคร่งได้เริ่มบานแล้ว ถ้าอากาศยังคงเย็นสม่ำเสมอ คาดว่าจะบานสวยช่วงหลังวันที่ 20 มกราคม 2562 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีวิจัยเกษตรที่สูงสันป่าเกี๊ยะ โทรศัพท์ 0 5394 4052

Sunday, June 2, 2019

เดินช้อปดึก ๆ กับ 9 ตลาดกลางคืนในกรุงเทพฯ



9 ตลาดกลางคืนในกรุงเทพฯ

 ครั้งก่อนที่เราได้นำเสนอกระทู้ "แดดร่มลมตกเดินชิล 12 แหล่งช้อปปิ้งยามเย็น" ไปแล้วนั้น หลายคนเดินตามรอยช้อปกันจนหมดทุกตลาดแล้ว และอยากจะรู้ว่ามีที่เดินเล่นชิล ๆ ตอนเย็นที่ไหนอีกบ้าง มาวันนี้เราเลยจัดให้ ด้วยการอัพเดทแหล่ง สล็อตออนไลน์ ช้อปปิ้งในบรรยากาศยามราตรีเพิ่มเติม ไว้เอาใจเหล่านักช้อปและนักชิมตัวยง เอาไว้เดินเล่นสูดอากาศชิล ๆ แถมยังมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย เผื่อที่ไหนที่ใครยังไม่เคยไป ถ้าได้อ่านรีวิวนี้จะได้ไปช้อปให้หนำใจวัยรุ่นไปเลย

 1. ตลาดนัดหัวมุม Market & More
        แหล่งช้อปปิ้งสุดเก๋ที่รวมทุกความต้องการ เป็นตลาดนัดเปิดใหม่ย่านถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ตรงข้าม The Walk บรรยากาศโดยรวมของตลาดนี้เรียกได้ว่าคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คนเหล่านักช้อปยามค่ำคืน ตัวตลาดค่อนข้างใหญ่ สะอาด สว่างด้วยไฟ LED ปูพื้นคอนกรีตอย่างดี สามารถเดินเล่นชิล ๆ ได้อย่างสบาย มีสินค้าให้เลือกมากมายหลากหลายทั้งเสื้อผ้า ของจุกจิกทั้งหลาย และยังมีลานกลางมีดนตรีสดเล่นตลอดทั้งคืน เหมาะกับการนั่งสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหลังเลิกงานสุด ๆ

         
2. ตลาดอาจณรงค์ไนท์บาซาร์
        จากลานจอดรถเก่า ๆ บนพื้นที่กว่า 8 ไร่ ถูกนำมาดัดแปลงให้เป็นแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งชิมในย่านพระราม 4 มีทั้งร้านอาหารและสินค้ามากมาย ด้วยเพราะตลาดแห่งนี้อยู่ในย่านชุมชน คอนโด โรงแรม มหาวิทยาลัย จึงทำให้ที่นี่คึกคักด้วยผู้คนที่แวะเวียนมาจับจ่ายใช้สอย มีอาหารให้เลือกทานมากมาย ทั้งซีฟู้ด กุ้ง ปลาเผา ปลาหมึกย่าง เพียงแค่ได้กลิ่นก็ยั่วน้ำลายและน้ำย่อยสุด ๆ หรือจะแวะทานสเต๊ก ซึ่งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ขอบอกว่ารสชาติอร่อยเด็ด ส่วนของหวานยอดฮิต "ไอศกรีมผัด" มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ ได้แก่ ช็อกโกแลต ชาเขียว มอคค่า โยเกิร์ต เป็นต้น หรือจะเป็นร้านเก๋ ๆ นั่งชิลก็มีให้เลือก

3. ถนนข้าวสาร
   ถนนคนเดินสุดฮิตที่ยังคงความมีเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย เต็มไปด้วยร้านขายของนานาชนิด ส่วนมากเป็นสินค้าประเภทศิลปวัฒนธรรม มากด้วยรถเข็นขายอาหาร เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ ทำให้ถนนสายนี้เป็นถนนที่ไม่เคยหลับใหล ยังคงความคึกคักอยู่ชั่วย่ำค่ำคืน ไฮไลท์ของตรอกข้าวสารเริ่มต้นขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ความคึกคักได้เริ่มขึ้น ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านรถเข็น ทั้งผัดไทย ข้าวไข่เจียว ไส้กรอกอีสาน แมลงทอด โจ๊ก น้ำแข็งไส น้ำผลไม้ปั่น โรตี ของอร่อยน่าทานทั้งนั้น แถมราคายังสบายกระเป๋า ได้ทั้งช้อป ชิม เดินชิล พบปะนักท่องเที่ยวจากหลายเชื้อชาติ

4. ตลาดนัดรถโบราณ เดอะ วอล์ค ถนนเกษตร-นวมินทร์
   "ตลาดนัดรถโบราณ" แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ลานด้านหน้า ห้าง The Walk ถนนเกษตร-นวมินทร์ เป็นตลาดนัดที่จะจัดให้มีขึ้นทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี กับธีมรถโบราณที่มาในรูปแบบกึ่งสินค้าและรถที่ใช้ได้จริง มีทั้งโซนขายรถโบราณ ทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ ให้คุณได้ไปจับจูบลูบคลำสินค้า และโซนของใช้วินเทจ ทั้งของเก่าของโบราณ ของแต่งบ้าน สินค้าแฮนด์เมด สินค้าแนวย้อนยุค งานศิลปะมีดีไซน์ ทั้งยังมีร้านอาหารอร่อย ๆ มาเปิดขายให้ได้อิ่มกัน ตลาดนี้เขามี 3 สาขาด้วยกัน คือ The Walk เกษตร-นวมินทร์ สาขาบ้านสีลม และสาขาตะวันนา

5. ตลาดกลางคืน เยาวราช
     สน่ห์ของตลาดกลางคืนเยาวราช คงต้องยกให้กับเรื่องสีสันของตลาดที่เต็มไปด้วยสีแดง ซึ่งเราจะมองเห็นโคมไฟ แผ่นป้ายร้านค้า เสื้อผ้า รวมถึงข้าวของอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ที่ต้องแนะนำและพลาดไม่ได้เลยบนถนนเยาวราชก็คือร้านอาหารรสเลิศที่มากระตุ้นน้ำย่อยให้ทำงาน ทั้งบะหมี่เส้นเหนียว เกี๊ยวกุ้ง ปู ลูกใหญ่นุ่มนิ่มน่ากิน หรือจะหมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่างจานโต ๆ หูฉลาม กวยจั๊บ กระเพาะปลา รังนก เป็นต้น ถึงทางเดินในตรอกซอกซอยในช่วงกลางวันจะคับแคบไปเสียหน่อย แถมยังมีมอเตอร์ไซค์ขี่ผ่านอยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความน่าดูของสินค้าในตลาดทั้งสองฟากลงเลย

6. ตลาดกลางคืน ถนนสีลม
     ตลาดกลางคืนถนนสีลม ตั้งอยู่ใกล้กับ BTS สถานีศาลาแดง บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ร้านค้าต่าง ๆ มากมาย เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยที่มีสินค้าให้เลือกมากมาย เช่น ของที่ระลึก เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า ซีดีหนัง ซีดีเพลง และสินค้า OTOP โดยร้านค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดขายกันทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณหนึ่งทุ่มตรงถึงประมาณตีสองกัน ให้นักช้อปได้เดินเลือกซื้อของกันแบบข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว ทั้งยังเป็นที่รู้จักในฐานะถนนของแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของกรุงเทพฯ อีกด้วย

7. ตลาดกลางคืน หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง
ตั้งอยู่ที่ถนนรามคำแหง ช่วงหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงจนถึงเดอะมอลล์ รามคำแหง ตลาดกลางคืนหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงนี้ ถือเป็นแหล่งขายสินค้าแฟชั่นราคาถูก ที่เป็นที่นิยมในเหล่าบรรดานักศึกษาวัยรุ่นจำนวนมาก มีสินค้าแฟชั่นมากมายให้เลือกชมและช้อปกันอย่างจุใจ เช่น เสื้อผ้าแนวทำงาน แนวหวาน แนวเปรี้ยว หมวกสารพัดแบบ รองเท้าแฟชั่นทั้งมือหนึ่งและรองเท้ามือสอง กระเป๋า รวมทั้งชุดนักศึกษา อุปกรณ์การเรียน หนังสือสำหรับผู้เตรียมสอบเข้าสถาบันต่าง ๆ และยังแวะทานอาหารจากร้านอาหารรสเด็ดมากมาย ทั้งข้าวมันไก่ ข้าวหมกไก่ ก็มีมาวางขายเรียงรายเต็มไปหมด

8. ตลาดนัดเมเจอร์รัชโยธิน

           แหล่งช้อปปิ้งยามค่ำคืนยอดนิยม ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เซ็นทรัลลาดพร้าว สำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ และอยู่ติดกันกับเมเจอร์รัชโยธิน ทำให้ตลาดนัดแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักช้อปปิ้ง และถือเป็นศูนย์รวมของผู้คนในย่านนั้น ที่นี่มีสินค้าจำหน่ายหลากหลาย ไม่ว่าเป็น เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า พร้อมสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมาย ของกิน ของใช้ รวมไปถึงบริการเสริมความงาม ต่อผม ต่อขนตา ต่อเล็บ ทำเล็บ เพ้นท์เล็บ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นตลาดที่โดนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาว ๆ นักช้อปให้ได้เดินเล่นกันเพลิน ๆ

9. ตลาดนัด CDC
ตลาดนัดที่ออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เน้นความงามอย่างลงตัว ทั้งการจัดวางและการออกแบบสถานที่ การคัดเลือกคุณภาพของสินค้าของผู้ที่ต้องการมาขายให้สอดคล้องกับแนวคิดของตลาด มีทั้งสินค้าที่ทำขึ้นเอง ของตกแต่งเก๋ ๆ หรือเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัว เหล่านี้นับเป็นจุดเด่นที่สามารถดึงดูดผู้ที่ชอบดูสินค้าประเภทความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ทางตลาดนัด CDC ยังมีการจัดกิจกรรมสร้างสีสันให้กับลูกค้าอยู่ตลอด มีการแสดงดนตรีสดแบบง่าย ๆ เล่นกันสด ๆ ท่ามกลางคนที่มาเดินซื้อของ ยิ่งช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้กับการซื้อของมากยิ่งขึ้น

ลองเลือกหาวันว่าง ๆ สักหนึ่งวัน อาจเป็นหลังเลิกงานหรือไม่ก็วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไปเดินชิล ๆ รับลมเล่นกัน แต่ขอเตือนนะว่าอย่าช้อปกันจนเพลินขาดสติซะก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าเราไม่เตือน ^ ^

ขอบคุณแหล่งที่มา  travel.kapook.com

Saturday, June 1, 2019

ที่เที่ยวพัทยาแจ่ม ๆ เมืองที่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล



ที่เที่ยวพัทยาแจ่ม ๆ 

ดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ผุดขึ้นมากมายในหลายจังหวัด ซึ่งแต่ละที่ก็มีการนำเอาสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของตัวเองมาเพิ่มเอกลักษณ์ ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น และจังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ อย่างชลบุรี โดยเฉพาะกับ "พัทยา" เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ ๆ ฮิป ๆ ให้นักเดินทางไปสัมผัสอยู่เสมอ  ที่เที่ยวพัทยาและบริเวณใกล้เคียงมาให้เลือกชมกัน เผื่อเป็นตัวเลือกดี ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าลองชวนเพื่อน ๆ จูงมือคู่รัก หรือพาครอบครัวไปสัมผัส

1. ที่เที่ยวพัทยา : ไทธานี หมู่บ้านวัฒนธรรมและศิลปะ พัทยา
มาเริ่มกันที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมือง พัทยา ไทธานี หมู่บ้านวัฒนธรรมและศิลปะ พัทยา (Thai Thani Arts and Culture Village Pattaya) แห่งแรกและแห่งเดียวในภาคตะวันออก ในรูปแบบวิถีไทย วัฒนธรรม ประเพณี แบบย้อนยุค โดยผ่านทางสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้ร่วมสัมผัสอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การแต่งกายพื้นเมืองของไทยทั้ง 4 ภาค กิจกรรมและการละเล่นแบบโบราณที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน แถมในช่วงเย็นยังมีขบวนแห่วัฒนศิลป์ศาสตร์ ประเพณีต่าง ๆ ตามเทศกาลนั้น ๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าจะมาแบบครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคู่รัก ก็จะได้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และได้ความรู้กลับไปอย่างแน่นอน

          พร้อมกันนี้ยังสามารถอิ่มอร่อยมื้อค่ำกับหลากหลายเมนูออร์เดิร์ฟกาดหมั้ว ตามด้วยอาหารขันโตก 4 ภาค ในแบบล้านนา พร้อมรับชมการแสดงวัฒนศิลป์ 4 ภาค การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยภายในหมู่บ้านวัฒนธรรม โดยการแสดงจะแบ่งออกเป็นช่วง ๆ ไม่ซ้ำกัน ดังนี้

          - เวลา 11.00-16.30 น. การแสดงวิถีชีวิตและกิจกรรมพื้นบ้าน (สำหรับนักท่องเที่ยวร่วมสนุก)
          - เวลา 11.00-11.30 น. และ 14.00-14.30 น. การแสดงหนังตะลุง ณ โรงมหรสพ
          - เวลา 15.00-16.00 น. บรรเลงดนตรีไทย ณ ลานกิจกรรมวิถีชีวิต
          - เวลา 16.30-17.00 น. ขบวนแห่วัฒนธรรม (เฉพาะวันเสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

           ค่าบริการ

          บัตรผ่านประตู+กิจกรรมวิถีไทย : ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 80 บาท
          บัตรผ่านประตู+กิจกรรมวิถีไทย+บุฟเฟ่ต์กลางวัน : ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท
          บัตรผ่านประตู+กิจกรรมวิถีไทย+ดินเนอร์ขันโตกและชมการแสดง : ผู้ใหญ่ 650 บาท เด็ก 380 บาท

           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.30-20.00 น.
           ที่อยู่ : 88 หมู่ 3 ถนน สายสวนนงนุช ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20250
           โทรศัพท์ : (094) 498 5996, (038) 119 080-1 
            Fax : (038) 119 082 -3
           เว็บไซต์ : www.thaithanipattaya.com, เฟซบุ๊ก ไทธานี หมู่บ้านวัฒนธรรมและศิลปะ พัทยา

2. ที่เที่ยวพัทยา : มิโมซ่า พัทยา
 อันดับสองคือ มิโมซ่า พัทยา (Mimosa Pattaya) สถานที่ท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด "The City of Love" และบรรจงสร้างสรรค์ทัศนียภาพให้เกิดเป็นเมืองแห่งความรัก ที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมเมืองโบราณของฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยสีสันสดใส น่ารักน่ามอง บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์แห่งเดียวในเมืองพัทยา แถมยังโอบล้อมด้วยบรรยากาศอันสุดแสนจะโรเเมนติก และหอมหวนไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้หลากหลายชนิดที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

          ที่นี่ยังมีคลองเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านกลางเมือง มีหงส์คู่ที่ว่ายเวียนวนไปมาให้ได้ชื่นชมกันเพลิน ๆ พร้อมการแสดงโชว์อย่างอลังการที่น่าประทับใจบริเวณลานน้ำพุดนตรี ที่หมุนเวียนโชว์สลับสับเปลี่ยนมาสร้าง ความบันเทิงทุกวัน โดยการแสดงแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที รอบการแสดง 17.00 น., 19.00 น. ของทุกวัน สอบถามเพิ่มได้ได้ที่ 038 237318-9 อีกทั้ง มิโมซ่า พัทยา ยังเป็นศูนย์รวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งร้านอาหารไทย อาหารนานาชาติหลากหลายชนิดอีกด้วย

          โปรโมชั่นชาวไทย

          1. ค่าเข้าชมสถานที่ 50 บาท
          2. ค่าเข้าชมสถานที่และภาพ 3 มิติ 100 บาท
          3. ค่าเข้าชมสถานที่และคาบาเร่ต์โชว์ 150 บาท
          4. ค่าเข้าชมสถานที่ ภาพ 3 มิติ และคาบาเร่ต์โชว์ 200 บาท

          โปรโมชั่นชาวต่างชาติ

          1. ค่าเข้าชมสถานที่และคาบาเร่ต์โชว์ 300 บาท
          2. ค่าเข้าชมสถานที่และภาพ 3 มิติ 200 บาท
          3. ค่าเข้าชมสถานที่ ภาพ 3 มิติ และคาบาเร่ต์โชว์ 350 บาท

           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
           ที่อยู่ : 28/43-44 หมู่ 2 ถนนสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
           โทรศัพท์ : 0 3823 7318-9, 08 2467 6444
           เว็บไซต์ : mimosa-pattaya.com และ เฟซบุ๊ก Mimosa Pattaya

           รีวิว

           [CR][SR]++ REVIEW++ ครั้งแรก [ตะลุย MIMOSA @PATTAYA]

           [CR]รีวิว mimosa pattaya แบบไม่เน้นวิว ที่นี่มีอะไรบ้าง


3. ที่เที่ยวพัทยา : พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี

 Teddy Bear Museum หรือพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี ถือเป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโดยบริษัทเทดดี้ ไอส์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง "เทดดี้แบร์ มิวเซียม" ตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบชาย หาด ตึกมาร์คแลนด์วินเลจ พัทยาเหนือ ซอย 1 สำหรับพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมีของที่นี่ มีออกแบบดีไซน์งานทั้งหมดโดยดีไซเนอร์ชาวเกาหลีใต้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "การเดินทางท่องเที่ยวตามล่าหาสมบัติไปกับตุ๊กตาเทดดี้แบร์"

          ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นโซนได้ถึง 12 โซนด้วยกัน เช่น โซนประเทศไทย, โซนประเทศจีน, โซนอาณาจักรซานต้า และโซนทดลองขุดซากฟอสซิลดึกดำบรรพ์ เป็นต้น โดยแต่ละโซนมีการจัดแสง สี และเสียง ที่เน้นความสมจริงตระการตาที่ไม่ซ้ำกัน พร้อมเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปได้อย่างอิสรเสรีตลอดการเที่ยวชม รวมถึงให้น้อง ๆ ได้ทดลองทำกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย

            ค่าบริการ : ราคาบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท (เด็กส่วนสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี)
           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชม เวลา 20.30 น.)
           ที่อยู่ : 436/49 หมู่ 9 ซอย 1 ถนนเลียบชายหาด ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
           โทรศัพท์ : 03 8411 285, 08 6979 8411
           เว็บไซต์ : teddyisland.co.th และ เฟซบุ๊ก Teddy Island Thailand

ขอบคุณแหล่งที่มา  travel.kapook.com