วัดโพธิ์บางคล้า

สถานที่ตั้ง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

สิ่งดึงดูดใจ
วัดโพธิ์บางคล้า สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ วิหารเป็นรูป ศาลาจตุรมุข ฐานกว้าง ๒ วา ตัวอาคารกว้าง ๑ วา ๒ ศอก มีประตู ๑ บาน ทางด้านทิศตะวันออก ช่องหน้าต่างด้านข้าง ๒ ช่อง ฐานเป็นฐานบัว หน้าบันลายปูนปั้น เดิมมีชายคาครอบหลังคา แต่ปัจจุบันได้พังลงเหลือแต่เสาอยู่ ช่อฟ้าและหางหงส์เป็นปูนปั้นรูปหัวนาค ใบระกาเป็นรูปหางนาค ภายในวิหารประดิษฐานพระนอน พระพุทธรูปนั่งประกอบองค์พระนอนอยู่ทั้ง ๒ ข้าง และที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ ค้างคาวแม่ไก่ที่มีปีกสีดำ หน้าตาคล้ายสุนัขป่า คือ มีจมูกและใบหูเล็ก ตาใหญ่ ขนสีน้ำตาลแกมแดง ในเวลากลางวันจะเกาะห้อยหัวลงตามกิ่งไม้ในบริเวณวัดนับแสนตัว

สิ่งอำนวยความสะดวกในวัดโพธิ์บางคล้า
นอกจากการเที่ยวชมสิ่งดึงดูดใจดังกล่าวแล้ววัดโพธิ์บางคล้า ซึ่งตั้งอยู่ติดอยู่ติดกับแม่น้ำบางปะกงยังมีภูมิทัศน์ทางน้ำที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินและผ่อนคลายอารมณ์ไปกับสายน้ำให้หายเครียดจากภารกิจในชีวิตประจำวันได้อีกทางหนึ่ง

เส้นทางเข้าสู่วัดโพธิ์บางคล้า
จากตัวเมืองฉะเชิงเทราไปตามถนนสายฉะเชิงเทรา-บางคล้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนระเบียนกิจอนุสรณ์ รวมระยะทางประมาณ ๒๓ กิโลเมตร

พระเจ้าองค์ตื้อ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ หนองคาย

พระเจ้าองค์ตื้อ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ หนองคาย

พระเจ้าองค์ตื้อ ด้วยส่วนผสมของทองเหลือง ทองแดง เงิน โลหะต่างๆ รวมกับทองคำจนมีน้ำหนักหนึ่งตื้อ (หน่วยนับของชาวอีสานในอดีต) จึงเป็นที่มาของ พระเจ้าองค์ตื้อ พระพุทธรูปซึ่งทั้งสวยงามมีสีสันแปลกตาและคงความศักดิ์สิทธิ์ของวัดศรีชมภูองค์ตื้อ หลวงพ่อองค์ตื้อนี้ว่ากันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชยังทรงปกครอง อาณาจักรล้านช้าง มีเมืองหลวงที่กรุงเวียงจันทน์ คำนวณเวลาคร่าวๆ ก็มากกว่าสี่ร้อยปีขึ้นไป พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงเลื่อมใสในพระเจ้าองค์ตื้ออย่างมากจึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้จะได้รับความเคารพจากชาวลาวไม่น้อยกว่าชาวไทย ความศักดิ์สิทธิ์ของ พระเจ้าองค์ตื้อมีมากมายรวมถึงอยากระซิบว่าเขาบอกกันว่าใครไม่มีบุตรธิดามากราบไหว้จะได้สมปรารถนานะ! แต่บุตรธิดาที่พระองค์ประทานให้ห้ามเฆี่ยนตีเด็ดขาดต้องสั่งสอนด้วยธรรมะเท่านั้น นอกจากนี้ภายในวัดมีโบราณวัตถุอย่างพระพุทธสิหิงค์ ศิลปะล้านช้าง ศิลาจารึกขอม และพระเจดีย์โบราณ

สวนเสือศรีราชา

สวนเสือศรีราชา

สวนเสือศรีราชา  คนใดกันถูกใจมองโชว์ หรือถูกใจมองเสือ เสนอแนะให้ ปักหมุด ไว้ที่ “สวนเสือศรีราชา” เพราะเหตุว่าสวนเสือที่นี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นสวนเสือ ก็จะมีเสือมากไม่น้อยเลยทีเดียว พร้อมนั้นโชว์เสือให้มองอีกด้วย จุดเด่นของสวนเสือศรีราชาที่นี้ เป็นจะย้ำที่โชว์เป็นหลัก เหมาะสมกับการมาท่องเที่ยวแบบเป็นครอบครัว มีอีกทั้งโชว์เสือ โชว์ไอ้เข้ โชว์ช้าง และก็โชว์หมู ถ้าเกิดผู้ใดกันที่คิดแผนจะท่องเที่ยวสวนเสือศรีราชา เสนอแนะว่าให้มองตารางโชว์ให้ดี เหตุเพราะหากไปไม่ทัน ก็จะอดพลาดดูโชว์ต่างๆ

วัน และเวลาเปิดปิด: 08.00 – 18.00 น. เปิดทุกวัน
ซื้อบัตรเข้าชมสวนเสือศรีราชา กับ Traveloka

ที่เที่ยวบุรีรัมย์-เขากระโดง-ปราสาทหินพนมรุ้ง-ปราสาทหินเมืองต่ำ

ที่เที่ยวบุรีรัมย์-เขากระโดง-ปราสาทหินพนมรุ้ง-ปราสาทหินเมืองต่ำ

พระสุภัทรบพิตร เป็นพระพุทธรูปคู่เมือง ภายในเศียรบรรจุพระธาตุ ประดิษฐาน อยู่บนเขากระโดง เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐฉาบปูนขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 12 เมตร ฐานยาว 14 เมตร หันหน้าไปทางทิศเหนือ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2512 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายสุรวุฒิ บุญญานุสาสน์ ในขณะนั้น ร่วมกับพ่อค้าประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในความคิดและโครงการต่างๆ ของหลวงพ่อบุญมา ปัญญาปโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดเขากระโดง ได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้นบริเวณยอดเขากระโดง เพื่อให้เป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป จากจุดที่ตั้งขององค์พระ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของตัวเมืองบุรีรัมย์ได้

ปากปล่องภูเขาไฟเขากระโดง ปากปล่องภูเขาไฟเขากระโดง มีอายุประมาณ 3 แสนถึง 9 แสนปี สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร ซากปากปล่องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก ยอดเนินเขาเป็นขอบปล่องด้านทิศใต้เรียกว่า เขาใหญ่ ส่วนยอดเนินเป็นขอบปล่องด้านทิศเหนือเรียกว่า เขาน้อย หรือเขากระโดง ส่วนบริเวณที่เป็นขอบปล่องปะทุคือ บริเวณที่เป็นหุบเขา ปัจจุบันมีสภาพเป็นสระน้ำ เป็นซากภูเขาไฟที่ยังคงสภาพดีและมีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย มีเส้นทางเดินชมรอบปล่อง และมีสะพานแขวนให้ยืนชมจากมุมสูงได้อย่างชัดแจน

สะพานพิสูจน์ศรัทธาสาธุชน (บันไดนาคราช) สร้างขึ้นเมื่อปี 2512 เพื่อเป็นทางเดินขึ้นไปสักการะบูชาพระสุภัทรบพิตร ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขากระโดง จำนวน 297 ขั้น ชมการละเล่นพื้นบ้านในงานประเพณีขึ้นเขากระโดง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 และร่วมทำบูญงานประกวดกวนข้าวทิพย์–ตักบาตรรเทโวโรหณะ ในช่วงก่อนวันออกพรรษาและวันออกพรรษาของทุกปี

น้ำตกแก้งกะอาม จังหวดกาฬสินธุ์

น้ำตกแก้งกะอาม จังหวดกาฬสินธุ์

น้ำตกแก้งกะอาม อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์
เป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่มีแอ่งน้ำกว้าง มีลักษณะเป็นโขดหินเตี้ย ๆ ลดหลั่นกัน สายน้ำตกจึงมีขนาดไม่ใหญ่สลับกับบริเวณที่เป็นแอ่งน้ำและ พลาญหิน เดือน ก.พ.-พ.ค. มีน้ำน้อยหรืออาจไม่มีเลย
ที่ตั้งและการเดินทาง
- บ้านแก้งกะอาม ต.ผาเสวย อ.สมเด็จ
รถยนต์ส่วนตัว
- จาก อ.สมเด็จใช้ทางหลวงหมายเลข 213 ไปทาง อ.ภูพาน จ.สกลนคร ผ่านบ้านหนองไผ่นพคุณไปประมาณ 4 กม. ถึงบ้านแก้งกะอาม พบทางแยกซ้ายให้เลี้ยวเข้าไป 500 ม. ถึงน้ำตก
รถประจำทาง
- ขึ้นรถสายกาฬสินธุ์-สกลนคร ลงที่บ้านแก้งกะอาม
มีแก่งหินเรียงรายเป็นแนวยาว มีลานหินกว้างเหมาะแก่การพักผ่อน เป็นน้ำตกที่กำลังได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ทางหลวงแผ่นดินน้ำตกแก้งกะอาม ตั้งอยู่ที่บ้านแก้งกะอาม ตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ อยู่ห่างจากอำเภอสมเด็จประมาณ 15 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองกาฬสินธุ์ประมาณ 55 กิโลเมตร น้ำตกแก้งกะอาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ทางหลวงแผ่นดิน สามารถไปถึงได้ไม่ยาก โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 213 จากอำเภอสมเด็จ ไปทางอำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เมื่อถึงบ้านแก้งกะอาม จะพบทางแยกซ้ายซึ่งมีป้ายหินบอกทางเข้าน้ำตกตั้งอยู่ ให้เลี้ยวเข้าไปประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงที่หมาย หรือจะขึ้นรถประจำทางสายกาฬสินธุ์ - สกลนคร มาลงที่บ้านแก้งกะอาม แล้วเดินเท้าต่ออีกเล็กน้อย ก็ไปถึงได้เช่นกัน น้ำตกแก้งกะอาม เป็นน้ำตกเล็กๆ อยู่ในลำห้วยหลัว ต้นน้ำอยู่ที่ภูตูมบนเทือกเขาภูพาน ลักษณะของน้ำตกเป็นโขดหินเตี้ยๆ ลดหลั่นลงมา สายน้ำตกจึงมีขนาดไม่ใหญ่ สลับกับบริเวณที่เป็นแอ่งน้ำและพลาญหิน จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่แก่งหินที่วางเรียงรายเป็นแนวยาวดูแปลกตา ราวกับมนุษย์เป็นผู้ทำขึ้น แม้ว่าน้ำตกแก้งกะอาม จะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่มีลานหินกว้าง เมื่อประกอบกับบรรยากาศโดยรอบที่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่แล้ว จึงเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยกิจกรรมที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นการลงเล่นน้ำ และการปิกนิกท่ามกลางธรรมชาติที่คลอด้วยเสียงน้ำไหล นอกจากนั้นที่ด้านบนของลำห้วยยังมีการสร้างฝายกั้นธารน้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามไปชมความงามของพันธุ์ไม้ในป่าได้ด้วย เช่นเดียวกับน้ำตกหลายๆ แห่ง น้ำตกแก้งกะอามจะมีน้ำมากน่าเที่ยวในช่วงฤดูฝน ไม่แนะนำให้มาในฤดูแล้ง เพราะนอกจากน้ำจะน้อยหรือไม่มีน้ำแล้ว สภาพป่ายังดูรกร้าง ไม่เขียวครึ้มน่าชมเหมือนในฤดูฝนวันและเวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. ค่าเข้าชม: ฟรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 4324 4498 - 9

กุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี

กุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี

กุ้งเดินขบวน ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมเรื่อยไปจนกระทั่งเดือนกันยายนของทุกปี ที่ ลานพันรู น้ำตกแก่งลำดวน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี (ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่า อุบลราชธานี) จะมีขบวนพาเหรดกุ้งเกิดขึ้น การที่กุ้งเหล่านี้มาเดินบนพลาญหินลานพันรู เพราะต้องการที่จะเดินไปวางไข่ ผสมพันธุ์ ยังแหล่งต้นน้ำที่เป็นบ้านเกิดบนยอดเขาพนมดงรัก

การเดินฝ่าสายน้ำอันเชี่ยวกรากมุ่งสู่ต้นน้ำของลำโดมใหญ่นั้น จำเป็นต้องหลบความรุนแรงของกระแสน้ำ โดยการขึ้นมาเดินบนโขดหิน จนกลายเป็นเหตุการณ์น่าทึ่ง พวกมันจะขึ้นมาเดินบนพลาญหินในเวลากลางคืนประมาณเวลา 19.00 – 05.00 น. ของอีกวันหนึ่ง แต่คืนไหนจะเดินได้มากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติตามฤดูกาล กุ้งชนิดที่มาเดินขบวนที่น้ำตกแห่งนี้ คือ กุ้งฝอย กุ้งน้ำจืดขนาดเล็กที่นิยมเอามาทำกุ้งเต้นรสแซบนั่นแล

เกาะไม้ท่อน ภูเก็ต

เกาะไม้ท่อน ภูเก็ต

เกาะไม้ท่อน  เป็นเกาะส่วนตัวซึ่งถูกปิดมานานหลายปี ทำให้ สภาพแวดล้อม ปะการัง ยังมีความสมบูรณ์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดภูเก็ตเพียง 9 กิโลเมตร และยังคงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อวัน จึงทำให้เป็นที่หมายหนึ่งที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่หลีกหนีความวุ่นวายจากแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ท่านจะได้พักผ่อนเต็มอิ่มบนชายหาดขาวสะอาดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านอาหาร บาร์ เก้าอี้ชายหาด รวมถึงมีกิจกรรมต่างๆ ให้ท่านได้เลือกสนุกมากมาย บริเวณหน้าเกาะยังมีแนวปะการังสวยงาม ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาน้อยใหญ่ ให้ท่านได้เพลิดเพลินไปกับพวกมัน ใจกลางเกาะยังมีจุดชมวิว ที่ท่านจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะภูเก็ต และทะเลอันดามันสุดลูกหูลูกตา

ปางช้างแม่แตง เชียงใหม่

ปางช้างแม่แตง เชียงใหม่

ความเป็นมาปางช้างแม่แตง

สำหรับที่เที่ยวเชียงใหม่ได้รับความสนใจอย่างมาก ปางช้างแม่แตง ที่กว่าจะมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัด พร้อมให้บริการลูกค้านักท่องเที่ยวได้มาตรฐานความปลอดภัย ด้วยการสร้างบรรทัดฐานใหม่จากการให้บริการครบวงจรเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว สามารถฝึกช้างให้มีความสามารถพิเศษ เช่น การวาดภาพ เขียนหนังสือ หรือการโชว์แสดงความสามารถพิเศษในแบบต่างๆ  สามารถเรียกความสนใจของนักท่องเที่ยวได้อย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักจะเดินทางเข้ามาชมการแสดงช้างที่นี่ พร้อมทั้งมีไกด์ให้บริการนักท่องเที่ยวสามารถพูดได้หลายภาษา

เปิดให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินกับความมหัศจรรย์ของช้างไทยแสนรู้และรำลึกถึงอดีตบนถนนนวัวเทียมเกวียน นั่งช้างชมป่าสองข้างทางและชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ของการเป็นควาญช้างพร้อมทั้งการเลี้ยงดูช้างขี่ช้าง ชมการฝึกช้าง ล่องแพ เข้าชมหมู่บ้านชาวเขา

จังหวัดกาญจนบุรี เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

จังหวัดกาญจนบุรี  เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ตั้งอยู่ที่ ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองโบราณจำลองแห่งแรกในไทย หนึ่งเดียวในโลก ที่นำวิถีชน และวัฒนธรรมในช่วงยุคสมัยรัชกาลที่ 5 มาไว้ ณ ที่แห่งนี้
ประวัติความเป็นมาของเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124
           เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ถูกสร้างขึ้น เพื่อจำลองเมืองโบราณในอดีต ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแผ่นดินสยามในยุค ร.ศ. 124 ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนในยุคนั้น ตั้งแต่การประกาศเลิกทาส การแผ่ขยายอิทธิพลจากโลกตะวันตกเข้ามาในแผ่นดินสยาม และนำไปสู่การผสมผสานทางวัฒนธรรม ระหว่างรากเหง้าของวิถีชีวิตคนไทยดั้งเดิมกับวัฒนธรรมตะวันตก จนได้รับการนิยามว่าเป็น ยุคทองแห่งความศิวิไลซ์

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองมัลลิกา นอกจากการจำลองบ้านเมืองแล้ว การใช้จ่ายภายในเมืองมัลลิกา นักท่องเที่ยวต้องนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินสตางค์ สำหรับใช้จับจ่ายซื้อของ และยังมีการจำลองให้ประชากรในเมืองนี้ ตั้งแต่ผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ และวัยรุ่น ให้เป็นไปตามสภาพครอบครัวไทยในอดีต โดยทุกคนจะแต่งกายแบบโบราณ นุ่งกระโจมอก ผ้าโจงกระเบน และดำรงชีวิตในแต่ละวันเหมือนคนในยุคนั้น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้าชมสถานที่แห่งนี้ ยังสามารถแต่งตัวย้อนยุคเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเข้าชมได้อีกด้วย

ลองแวะเที่ยวก่อนถึงปาย "อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง" เชียงใหม่

ลองแวะเที่ยวก่อนถึงปาย "อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง" เชียงใหม่

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ตั้งอยู่บนแนวเขาถนนธงชัย มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งอำเภอขว้างยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็น สถานที่เที่ยว อีกแห่งหนึ่ง ที่นักเดินทาง นิยมมาท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศความสวย จำนวนมากนักเดินทาง ที่จะท่องเที่ยวอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ้าเกิดใช้ทางจังหวัดเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ก็ชอบแวะท่องเที่ยวที่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมที่มีความสวยสดงดงาม ในเส้นทางเชียงใหม่-ปาย

สถานที่เที่ยวอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง

จุดสำหรับเพื่อชมวิวรอบๆห้วยน้ำดัง (จุดชมวิวดอยกิ่วลม)
อยู่รอบๆที่ทำงานสวนห้วยน้ำดัง ตำบลกึ๊ดช้าง อำเภอแม่แตง เป็นจุดชมวิวที่มีทิวทัศน์สวยสดงดงามรวมทั้งเป็นที่รู้จักมากมาย จากจุดสำหรับเพื่อชมวิวภูเขากิ่วลม สามารถเห็นภูเขาเชียงดาว
ถ้าเกิดมาท่องเที่ยวที่จุดสำหรับเพื่อชมวิวภูเขากิ่วลมในตอนเวลาเช้าตรู่ สามารถดูตะวันขึ้นรวมทั้งทะเลหมอกได้ ณ จุดสำหรับชมวิวตรงนี้ และก็ในช่วงปลายหน้าหนาวดอกไม้ตรงนี้กำลังบานงามมากมาย

หาดเจ้าสำราญ เพชรบุรี

หาดเจ้าสำราญ เพชรบุรี 

หาดเจ้าสำราญ เป็นหาดทรายที่เคยเป็นสถานที่เที่ยวสำคัญมากตั้งแต่สมัยก่อน ตอนนี้มีห้องอาหารและก็อพาร์เม้นท์ชายหาดหลายที่สถานที่เที่ยวชายฝั่งทะเลที่เป็นที่รู้จักมายาวนานของจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งปัจจุบันนี้เรียงรายไปด้วยห้องอาหาร รีสอร์ตเยอะแยะตั้งอยู่ท่ามกลาง บรรยากาศสงบ แล้วก็เป็นส่วนตัวผู้คนไม่คับคั่ง ชื่อของชายหาดเจ้าสำราญนี้ มาจากในสมัยเก่าเมื่อคราวที่สมเด็จพระกษัตริย์มหาราช เสด็จมาถึงชายทะเลนี้พร้อมด้วยพระเอกาทศรถยนต์แล้วทรงพอเพียงใจชายทะเลนี้มากมายรวมทั้งวินิจฉัยใจพักแรมอยู่ยาวนานหลายวัน จนถึงแปลงเป็นชื่อที่ประชาชนตั้งให้ว่า "หาดทรายเจ้าสำราญ" อย่างไรก็แล้วแต่ ชายทะเลที่นี้รุ่งโรจน์ถึงจุดสุดยอดในยุคพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ที่ขอความปรานีเกล้าฯ ให้สร้างค่ายหลวงขึ้นมาแล้วเรียกว่า "ค่ายหลวงบางทะลุ" ตามชื่อตำบลบางทะลุอันเป็นที่ตั้งพร้อมด้วยมีการสร้างพระตำหนักชายทะเลที่ชื่อว่า "พระตำหนักชายหาดเจ้าสำราญ" ถัดมาวันหลังได้ทรงเปลี่ยนแปลงชื่อตำบลเสียใหม่เป็นตำบลหาดทรายเจ้าสำราญ เหตุเพราะทรงมีความคิดเห็นว่าชื่อเดิมนั้นไม่เป็นมงคลพร้อมทั้งย้ายพระตำหนักหาดทรายเจ้าสำราญไปยังจุดที่เป็นที่ตั้งของพระราชนิเวศน์สัตว์ป่าทายวันในตอนนี้

เขื่อนลำพระเพลิง พื้นที่อนุรักษ์ นครราชสีมา

เขื่อนลำพระเพลิง  พื้นที่อนุรักษ์ นครราชสีมา

เขื่อนลำพระเพลิง ตั้งอยู่ในอำเภอปัธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ปกติพวกเราชอบรู้จักแต่ว่าเขื่อนใหญ่ๆอย่างเช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ หรือเขื่อนมีชื่อเสียงอื่นๆว่ามีความงดงามแล้วก็เป็นสถานที่เที่ยวสำคัญประจำจังหวัดนั้นๆดังที่เขื่อนนั้นตั้งอยู่ สำหรับ เขื่อนลำพระเพลิง ที่นี้ก็เป็นที่รู้จักเรื่องความงามทางธรรมชาติที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยลักษณะทำเลที่ตั้ง สองฟากฝั่ง เป็นป่าดงเขียวขจีร่มรื่น แล้วก็ช่วงต้นแม่น้ำยังมีน้ำตกสวยต่างๆตัวอย่างเช่น น้ำตกลำคลองกี่น้ำตกจอมโจร แล้วก็น้ำตกละอองชมพู ให้พวกเราได้ ท่องเที่ยวดูเป็นของแถม เขื่อนลำพระไฟก็เลยเป็นสถานที่ท่อง-ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองวัวราชมาเป็นเวลายาวนาน และก็นักเดินทาง ทั่วๆไปมักนิยมเดินทางมาดูทิวภาพ ทิวทัศน์ทิวภาพ และก็พักผ่อนแถวรอบๆเขื่อนอยู่เป็นประจำ และก็ประกอบกิจกรรมทางเรือต่างๆอาทิเช่น การล่อหลอกงเรือ ตกปลา อื่นๆอีกมากมาย เขื่อนลำพระเพลิงเป็นสถานที่ท่านสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีชื่นชอบมากมาย ครั้งใดที่ ท่านเสด็จเดินทางอีสานจะเสด็จมาประทับณ บ้านพักรับรองของกรมชลประทานเขื่อนลำพระไฟเสมอ เขื่อนลำพระไฟ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สงบเงียบ อากาศดีเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ กินอาหาร รวมทั้งเช่าเรือดู อ่างเก็บน้ำ รวมทั้งพื้นที่ป่าเหนือเขื่อนก็เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวเชิงรักษา ราษฎรเขตแดนบริเวณนี้ใช้ประโยชน์เพื่อ การอุปโภค บริโภค ระหว่างทางไปเขื่อนยังมีชุมชนโบราณ อาทิเช่น ตำบลงิ้ว ซึ่งเป็นชุมชนมอญที่มาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 1 ให้พวกเราได้ สามารถแวะมองวิถีชีวิตแบบธรรมชาติกับบ้านลำคลองขุด สวนละมุด แล้วก็วัดลำพระเพลิง ซึ่งหาดูได้ยาก แต่ว่าจะว่าไปแล้วเขื่อนที่นี้ ผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี พุทธศักราช2505 โดยการกั้นน้ำที่เทือกเขาโซ่ รวมทั้งเทือกเขาหลวงที่ใกล้ชิดกันรอบๆบ้านบุหัวช้าง ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์สำหรับเพื่อการทำการเกษตร และก็คุ้มครองน้ำท่วม โดยเขื่อนได้เปิดใช้เมื่อปี พุทธศักราช2510 รวมทั้งอยู่ในการปกครองของกรมชลประทานซึ่งตอนนี้ได้แปลงเป็นสถานที่สำหรับท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอวังน้ำเขียวที่ผู้ใดกันแน่ผ่านทางนี้มัก จะแวะฉวยโอกาสถ่ายภาพและก็ซาบซึ้ง กับบรรยากาศธรรมชาติที่มีชีวิตชีวาแถวรอบๆเขื่อนเป็นส่วนมากรวมถึงคนที่ได้ยินเกียรติคุณความ สวยสดงดงามของเขื่อนที่นี้รวมทั้งตั้งมั่นจะมาพักพักแรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบของเขื่อนจะเป็นทะเลสาบยาวไปตามสายธาร จากหน้าเขื่อนโดยประมาณ 21 กม. สามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 320 ล้าน ลูกบาศก์เมตร แล้วก็เหนือเขื่อนมีอาณาเขตรับน้ำกว้างถึง 807 ตารางกิโลเมตร รู้มาว่า รอบๆเขื่อนลำพระเพลิงที่นี้เป็น สถานที่ท่านสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีโปรดมากมาย ครั้งใดที่ท่านเสด็จท่องเที่ยวอีสานจะเสด็จมาประทับ ณ บ้านพักรับรองของกรมชลประทานเขื่อนลำพระเพลิงเสมอ

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาเอราวัณ ลพบุรี

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาเอราวัณ ลพบุรี

บริเวณเขาเอราวัณมีสำนักสงฆ์ ถ้ำเอราวัณ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับถ้ำโปร่ง และด้านหลังของสำนักสงฆ์ถ้ำเอราวัณ จะเป็นถ้ำเอราวัณภายในถ้ำมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ข้างใน ส่วนทางด้านชมรมรักษ์เขาเอราวัณจึงได้ใช้ผลการศึกษาดังกล่าวเป็นข้อมูลเรียกร้อง ให้หน่วยงานราชการที่มีอำนาจเกี่ยวข้องในการอนุมัติให้สัมปทานภูเขาเอราวัณได้พิจารณาว่า ไม่สมควรอนุมัติให้สัมปทานทำเหมืองหิน รวมทั้งได้จัดตั้งแหล่งเรียนรู้ชั่วคราวขึ้นที่ สำนักสงฆ์ถ้ำเอราวัณ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลอันทรงคุณค่าภูเขาเอราวัณให้เป็นที่ทราบทั่วกัน ในที่สุดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศให้ภูเขาเอราวัณเป็นพื้นที่อนุรักษ์ประเภท "เขตห้ามล่าสัตว์ป่า" และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ซึ่งหมายถึงว่าภูเขาเอราวัณได้รับการคุ้มครองให้เป็นสมบัติทางธรรมชาติของประเทศ ปลายปีพ.ศ.2551 ชมรมอนุรักษ์เขาเอราวัณได้พัฒนาแหล่งเรียนรู้ชั่วคราวเขาเอราวัณให้เป็นแหล่งเรียนรู้ถาวร ด้วยการขอใช้พื้นที่ชั้นล่างของหอสวดมนต์สำนักสงฆ์ถ้ำเอราวัณเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการถาวร โดยใช้งบประมาณจากภาคประชาชนมีชื่อว่า "แหล่งเรียนรู้สหวิทยาการเขาเอราวัณ"1. ถ้ำ ในพื้นที่ภูเขาเอราวัณมีถ้ำอยู่มากกว่า 15 ถ้ำ มีการสำรวจถ้ำหลักจำนวน 5 ถ้ำได้แก่ ถ้ำเทวาพิทักษ์ ถ้ำโปร่ง ถ้ำเอราวัณ ถ้ำอริยะสัจ 4 และถ้ำที่ยังไม่มีชื่ออีก 1 ถ้ำ ภายในถ้ำมีความสวยงามตามธรรมชาติ มีหินงอก หินย้อย ม่านหินย้อย หลอดหินย้อย หินผุด หินน้ำไหล เสาหิน หินปูนฉาบ ฯลฯ จากการสำรวจถ้ำพบว่า “ถ้ำเทวาพิทักษ์” เป็นถ้ำมีขนาดใหญ่ที่สุด และความยาวของถ้ำประมาณ 200 เมตร 2. ฟอสซิสดึกดำบรรพ์ พบซากฟอสซิลหอยนอติลุส(หอยวงช้าง) คชข้าวสาร ปะการัง พลับพลึงทะเล และหอยกาบเดียวอีกหลายชนิด 3. ภาชนะดินเผา บางถ้ำพบหลักฐานทางโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายอายุกว่า 2,000 ปี เช่น ภาชนะทรงพานหรือภาชนะฐานสูง เศษภาชนะดินเผาลวดลายต่างๆ และท่อหล่อ 4. สัตว์ป่า มีการสำรวจพบมี “นกจู๋เต้นเขาปูน” ซึ่งเป็นนกเฉพาะถิ่นซึ่งนับเป็นแหล่งที่ 2 ของโลกเพราะอาศัยอยู่เฉพาะในเขาหินปูน นอกจากนั้นยังพบ ค้างคาวมงกุฎเทาแดง ตุ๊กแกป่า ลิงกัง อีเห็น เม่น เต่าเหลือง ไก่ป่า และสัตว์ป่าหายากอีกหลายชนิด 5. พันธุ์พืชเฉพาะถิ่นหายาก คือ ”โมกราชินี” (Wrightia sirikitiae) ซึ่งเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกค้นพบเมื่อปี 2544 บริเวณภูเขาหินปูนแถบจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และปราจีนบุรี ตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ยังมีโมกเหลือง โกงกางน้ำจืด ขนุนดิน มะยมเงินมะยมทอง มะกา ขี้เหล็กฤาษี จันทน์ผา ปออีเก้ง ไทร ฯลฯ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา thai.tourismthailand.org

อ่าวบ่อทองหลาง ประจวบคีรีขันธ์

อ่าวบ่อทองหลาง  ประจวบคีรีขันธ์

อ่าวบ่อทองหลาง การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 4 กิโลเมตรที่ 397 มีทางแยกเข้าอำเภอบางสะพานทางด้านซ้ายมือ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3169 ต่อด้วยถนนกลางอ่าว เลียบหาดไปจนถึงทางเข้าอ่าวบ่อทองหลาง

อยู่ห่างจากอ่าวแม่รำพึงตามถนนหนทางเลาะหาดราว 4 กม. มี ชายทะเลโค้ง เกือบเป็นรูปวงกลม ยามน้ำลดจะปรากฏแนวชายทะเลขาว เป็นลานกว้าง ผู้คนนิยมมาเล่นน้ำ พักผ่อนหย่อนใจเพราะว่าระดับน้ำตื้นแล้วก็มีเกาะหินขนาดเล็กตั้งเรียงรายข้างหน้าอ่าว รอบๆริมทะเลมีร้านค้าขายของกินแล้วก็เครื่องดื่มบริการนักเดินทางที่พักผ่อนพักผ่อนขอบริมทะเลที่มีคุณลักษณะเด่นคือเกาะเล็กเกาะน้อยๆซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางอ่าว ในยามน้ำลดจะเปิดเผยให้มองเห็น สันทรายลงนอนเป็นแถวยาว แล้วก็สามารถเดินจากฝั่งไปถึงเกาะที่นั้นได้อย่างยิ่งจริงๆ และก็รอบๆหาดทราย ยังมีร้านค้าจัดจำหน่ายของกินรวมทั้งเครื่องดื่มบริการนักเดินทาง ตรงนี้ก็เลยน่าจะเป็นอีก จุดหมายปลายทางในวันพัก สุดสัปดาห์ที่อยากได้ความง่ายๆ สบายๆแต่ว่าเต็มไปด้วยความไม่กังวลใจที่สุด

วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม  เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม หรือเรียกกันว่า วัดเขาพระ เป็นวัดเก่าแก่ของอำเภออู่ทอง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญคือ หลวงพ่อสังฆ์สรรเพชญ์ เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ประดิษฐานอยู่ในถ้ำหิน สันนิษฐานว่าองค์เดิมสร้างมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ก่อนที่จะบูรณะกันต่อ ๆ มาจนถึงปัจจุบัน บาคาร่า มีความเชื่อว่าใครได้มาสักการะ ท่านจะช่วยบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ โดยให้ปิดทององค์พระบริเวณที่เจ็บป่วย

นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ ถ้ำ ยังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุอื่น ๆ อย่าง รอยพระพุทธบาทจำลองที่เป็นหินทรายแกะสลักลวดลายมงคล 108 ประการ อยู่ด้วย


ขอขอบคุณแหล่งที่มา www.blogger.com

SKY WALK จ.หนองคาย

SKY WALK  จ.หนองคาย

SKY WALK วัดผาตากเสื้อสร้างเป็นรูปแบบเกือกม้า พื้นปูด้วย กระจกใส แทมเพอร์ลามิเนต ที่มีความมั่นคงแข็งแรง ทนทาน หนา 4 เซนติเมตร บาคาร่า ยึดเหล็กติดกับฐานชั้นหินด้านล่างหน้าผา ระยะทางเดินทั้งหมด 16 เมตร เป็นส่วนทางเดินพื้นกระจกใส  15  เมตร ทางเดินถูกสร้างให้ยื่นออกไปบริเวณหน้าผา 6 เมตร เหล็กกันสนิม สามารถรับน้ำหนักนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปยืนได้ประมาณ 20 คน หรือประมาณ 2,500 กิโลกรัม ส่วนด้านข้างใช้กระจกใสกั้นเป็นขอบเช่นเดียวกัน วัดผาตากเสื้อเป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงามมากสูงจากระดับน้ำทะเล 550 เมตร ภายในวัดมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ในช่วงที่น้ำลด จะเห็นสันทรายเป็นริ้วคล้ายเกล็ดพญานาคอย่างชัดเจน จากจุดชมวิววัดผาตากเสื้อหากมองไปทางซ้ายมือจะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงวาดยาวโค้งเป็นคุ้งน้ำกลางแม่น้ำมีเกาะ ขนาดใหญ่ ทำให้แม่น้ำโขงช่วงนี้มีลักษณะคล้ายแยกเป็นรูป Y ที่มองเห็นประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างชัดเจน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา www.blogger.com

วัดไทย (ถ้ำพญานาค) พญาพิสัยสัตตนาคราช เทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค

วัดไทย (ถ้ำพญานาค) พญาพิสัยสัตตนาคราช เทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค

วัดไทย ตั้งอยู่เลขที่ 327 บ้านจุมพล ถนนพิสัยสรเดช ซอยสุขาภิบาล16 หมู่ที่ 1 ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 1 งาน 28 ตารางวา ความเป็นมาในการสร้างราชาพญานาค “นาคราชัยยัญ” แรงบันดาลใจในการก่อสร้างนาคปก 9 เศียรและ ถ้ำบาดาลจำลอง ในปี 2550  เป็นปีที่ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ครบรอบการตั้งเมือง ครบ 100 ปี ภายในวัดจะมี ราชาแห่งพญานาคสีดำ ผู้เฝ้าประตูทางเข้าเมืองบาดาล 19 เมตร สร้างเป็นนาคบาท คือนาคสินนาค หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง เสาหลักเมืองบาดาล รูปสามเหลี่ยม อันศักดิ์สิทธิ์ ประตูทางเข้าเมืองบาดาล อุโมงค์เข้าถ้ำจำลอง 7 ห้อง ของเมืองบาดาล เมื่อผู้ใดได้ลอดถ้ำและประสบผลสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ และทางจังหวัดได้สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใกล้ ๆ วัดไทย คือพระยาพิสัยสัตตนาคราช ให้ประชาชนได้สักการะบูขา นอกจากนี้ ทุก 15 ค่ำเดือน 11 วันออกพรรษา ประชาชน และนักท่องเที่ยวต่างเฝ้าชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ดวงไฟพุ่งขึ้นจากน้ำทุกปี

ขอขอบคุณแหล่งที่มา thai.tourismthailand.org

วัดถ้ำศรีวิไล สระบุรี

วัดถ้ำศรีวิไล  สระบุรี

วัดถ้ำศรีวิไล ภายในถ้ำมีพระพุทธเนาวรัตน์ ศิลปะสมัยเชียงแสน มีหินงอก หินย้อย นอกจากนั้นยังสามารถเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติภาพความงามของธรรมขาติสีเขียว ทิวเขาทอดตัวสลับซับซ้อนกว้างไกลสุดสายตา เป็นทิวทัศน์ที่มองทอดออกมาจากบริเวณ "วัดถ้ำศรีวิไล" ซึ่งตั้งอยู่บนเขา นอกจากเป็นจุดชมวิวสวยๆ แล้ว ในถ้ำยังมี พระพุทธเนาวรัตน์ ศิลปะสมัยเชียงแสนประดิษฐานอยู่ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมชมความตระการตาของหินงอก หินย้อย ที่ส่องประกายวิบวับยามต้องแสงไฟที่ประดับไว้ภายในถ้ำ ด้านหน้าถ้ำมีน้ำมันพระพุทธมนต์ให้บูชา ว่ากันว่ามีสรรพคุณหลากหลาย เช่น รักษาแผลสด แผลเปื่อย แผลเรื้อรัง แผลน้ำร้อนรวก แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาโรคทางผิวหนังกลาก เกลื้อน ผิวหนังแห้ง ผมหลุดร่วง เป็นต้น เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ +66 3524 6076-7

ขอขอบคุณแหล่งที่มา thai.tourismthailand.org