CASINO ONLINE

CASINO ONLINE
CASINO ONLINE

Friday, March 29, 2019

10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในออสเตรีย AUSTRIA

10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในออสเตรีย เที่ยวออสเตรีย ดินแดนอันสุดแสนโรแมนติก มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ซึ่งแต่ละที่นั้นมีประวัติศาสตร์มายาวนาน

10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในออสเตรีย วัฒนธรรมอันเก่าแก่ไว้ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ โดดเด่นในเรื่องความงดงามของธรรมชาติ ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและทะเลสาบ บวกกับความน่ารักสวยงามของตึกรามบ้านช่องของแต่ละเมือง ยิ่งทวีคูณความเพอร์เฟคขึ้นไปอีกค่าา รับรองว่าใครที่ได้มาสัมผัสจะต้องหลงรักอย่างแน่นอนนน! >3<


 เที่ยวกรุงเวียนนา (Vienna)
กรุงเวียนนา ดินแดนแห่งเสียงเพลงสุดโรแมนติก~ เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรียค่า ทำเลที่ตั้งเลิศมากกก อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม มรดกทางวัฒนธรรม ความวิจิตรของศิลปะ และดนตรีคลาสสิคอันไพเราะ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของนักแต่งเพลงคลาสลิคชื่อดังหลายท่านเลยนะคะ ไม่จะว่าเป็น โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกก้องโลก เบโทเฟน (Beethoven) นักเปียโนชื่อดังระดับโลก โยฮันน์ ชเตราสส์ (Johann Strauß) ราชาแห่งเพลงวอลซ์

บ้านเมืองก็สะอาดน่าอยู่ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วยค่า โอ้โหหห ถ้าเสน่ห์จะล้นเหลือขนาดดดเน้ >3< ถ้าเป็นคนนี่คงจีบไปแล้วนะเนี่ย 5555 ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของยุโรป และเป็นที่ฮันนีมูนในฝันของคู่รักจากทั่วโลกเลยค่า เพราะทั้งโรแมนติกและมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ มากมาย

โดยยูเนสโก้ยกให้เป็นมรกดโลก 2 แห่งคือ เขตเมืองเก่าใจกลางกรุงเวียนนา และพระราชวังเชิงบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฮับส์บวร์กค่ะ ที่ทั้งหรูหรา ใหญ่โต อลังการ เป็นศูนย์รวมของผลงานด้านศิลปะชั้นเยี่ยม จัดเป็นอนุสาวรีย์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ ด้านหลังเป็นอุทยานกว้างขวาง และยังมีสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วยค่า



เที่ยวฮัลส์สตัทท์ (Hallstatt)

เมืองนี้ภูมิใจนำเสนอมากค่าาาาา ฮัลส์สตัทท์ เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบ Hallstatt See ที่ทุกคนจะต้องตกหลุมรักตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างแน่นอนนน! สิ่งแรกที่จะสัมผัสได้ก็คืออากาศอันแสน ~บริสุทธิ์ เงียบสงบ และตัวเมืองที่น่ารักมากกกก มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่ถึงพันคน ฉากหลังเป็นภูเขาสูงชันโอบล้อมเมือง ทะเลสาบสีฟ้า แถมด้วยบรรดาหงส์ที่พากันมาว่ายน้ำ บ้านเรือนน่ารักๆ ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงมาตามแนวเขา รอบเมืองเต็มไปด้วยร้านอาหารขนาดเล็กและดอกไม้สีสันสดใส โอ้ยยเหมือนได้เดินอยู่ในเทพนิยายเลยค่าาาา >3< (ขอซาวด์เพลงเจ้าหญิงดิสนีย์ด่วนๆๆ)

ไม่แปลกใจเลยค่ะที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่เก่าแก่และสวยที่สุดในโลก! แถมยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ ประเภทชุมชนที่มีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนระหว่างภูมิประเทศที่สวยงามกับวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของโลกอีกด้วยค่า จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของออสเตรีย เหมาะแก่การมาพักผ่อนตากอากาศ เดินเล่นชมธรรมชาติและทัศนียภาพสวยๆ ของตัวเมือง กลางวันก็งาม บรรยากาศกลางคืนก็เลิศ มีแสงไฟสวยๆ อบอุ่นมากกก

สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยค่า แต่ละฤดูกาลก็มีความสวยงามต่างกันไป ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะไล่เฉดตั้งแต่เขียว เหลือง ส้ม แดง ไปทั่วทั้งภูเขาและหมู่บ้าน ถ้าเป็นฤดูหนาวจะมีหิมะขาวโพลนปกคลุมไปทั่วภูเขา โรแมนติกไปอีกแบบ >,<

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น การปีนเขา ล่องเรือในทะเลสาบ เล่นสกี เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ หรือเดินทางไปชมเหมืองเกลือโบราณที่มีอายุกว่า 7,000 ปี โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปบนภูเขาที่มีความสูงประมาณ 838 เมตร สามารถเที่ยวชมได้ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน – เดือนตุลาคมของทุกๆ ปีค่า



เที่ยวซาลซ์บวร์ก (Salzburg)

ซาลซ์บวร์ก เมืองมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานมากกกของออสเตรียค่า ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ ล้อมรอบด้วยขุนเขาและแม่น้ำซาร์ลซัคอันงดงาม คลุกเคล้าไปด้วยเสน่ห์ของเสียงเพลง โรแมนติกที่ซู้ดดดด >3< อาคารบ้านเรือนก็สวยงาม ตกแต่งด้วยศิลปะแบบบาโรก จนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรกเลยนะจ๊า

ที่นี่เป็นบ้านเกิดของคีตกวีชื่อดังระดับโลกอย่าง โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง The Sound of Music นั่นก็คือสวนมิราเบลล์ (Mirabell Garden) เป็นสวนสาธารณะที่สวยที่สุดในเมืองซาล์ลบวร์กค่า พื้นที่กว้างขวางมาก ตกแต่งด้วยรูปปั้นและน้ำพุแบบบาโรก เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส มีนักดนตรีคอยบรรเลงเพลงสร้างบรรยากาศอีกด้วยค่า ฟินนนไปอี๊กกก

จากสวนมิราเบล ก็จะมองเห็นป้อมปราการโฮเฮนซาลซ์บูร์ก (Hohensalzburg) อันมหึมาเเละน่าเกรงขามมากที่สุดของยุโรป สร้างขึ้นเพื่อป้องกันข้าศึกและเป็นที่พักของอาร์ชบิชอปผู้ครองนคร ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้ได้มากที่สุดเลยค่ะ ภายในประดับตกแต่งไว้อย่างหรูหราอลังการ และยังมีการจัดแสดงของโบราณมากมาย ทั้งเตาผิงที่ปูด้วยกระเบื้องที่อยู่มาตั้งแต่ปี 1501 และภาพจากคัมภีร์ไบเบิลให้ชมด้วยค่ะ




และอีกสถานที่ที่ขอบอกว่าอลังการ วี๊ดว๊ายมากๆ ก็คือ The Eisriesenwelt ถ้ำน้ำแข็งสุดเย็นยะเยือกที่ใหญ่ที่สุดในโลก! อยู่ที่เมืองเวอร์เฟน เดินทางมาจากทางใต้ของเมืองซาลซ์บวร์กมาไม่ไกลค่า เป็นถ้ำหินปูนน้ำแข็งที่น่าอัศจรรย์ มีความยาวกว่า 42 กิโลเมตรรรร! เกิดขึ้นเมื่อ 100 ล้านปีที่ผ่านมา แม่น้ำ Salzach ไหลผ่านภูเขาและเกิดการกัดเซาะจนเกิดรอยร้าวและรอยแตก พอช่วงฤดูหนาว เมื่ออากาศข้างนอกที่เย็นลอยเข้ามาในถ้ำ ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงจนเกิดเป็นถ้ำน้ำแข็ง ส่วนในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน น้ำแข็งจะละลาย พอเจอกับอุณหภูมิที่เย็นก็จะเกิดการแข็งตัวอีกครั้ง กลายเป็นหินน้ำแข็งสุดมหัศจรรย์คล้ายกับหินงอกหินย้อยอันงดงามนั่นเองค่า



เที่ยวอินส์บรูค (Innsbruck)

เมื่อได้มาเยือนที่อินส์บรูคถึงกับต้องพูดเลยค่ะว่า นี่สวรรค์รึเปล่าเนี่ยยยยย! ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ มีแม่น้ำอินส์ไหลผ่าน โดยคำว่า bruck เป็นรากศัพท์มาจากภาษาเยอรมันคือ bridge ซึ่งแปลว่าสะพานแห่งแม่น้ำอินส์นั่นเองค่า เดิมเป็นเมืองตากอากาศของเหล่าจักรพรรดิที่มาปกครองเมือง เพราะอากาศดี ทิวทัศน์สวยงามมากกก จนได้รับการขนานนามว่า Capital of Alps ง่อววววว สมญานามไม่ธรรมดานะจ๊า

ตัวเมืองมีประวัติศาสตร์ยาวนาน บ้านเมืองสีสันน่ารักๆ เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ใครมาเห็นก็อดต้องแชะรูปเป็นที่ระลึกไม่ได้ ตลอดทางเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านค้ามากมาย ได้นั่งเล่นชิลๆ จิบกาแฟรสเลิศที่คาเฟ่ริมทาง ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ในอ้อมกอดของภูเขา ช่างสุขใจอะไรเยี่ยงงงงนี้ >3<

โดยที่ด้านบนของภูเขาจะถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นเป็นสวรรค์ของนักสกีเลยก็ว่าได้ค่า มีสกีรีสอร์ทแจ่มๆ เพียบ และยังมีชื่อเสียงในด้านเป็นศูนย์กลางของกีฬาฤดูหนาว ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาวอย่าง โอลิมปิก (Winter Youth Olympic) ซึ่งเป็นเมืองแรกของโลกที่ได้จัดกีฬาโอลิมปิกถึง 3 ครั้งเลยทีเดียวค่า



เที่ยวหมู่บ้านอัลพ์บัช (Alpbach)

หมู่บ้านสวยๆ ไม่ได้มีอยู่แค่ในโปสการ์ดนะจ๊าาา แต่อยู่ที่หมู่บ้านอัลพ์บัช ณ รัฐทิโรล (Tirol) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในออสเตรีย และเป็นหมู่บ้านแห่งดอกไม้ที่สวยที่สุดในยุโรปอีกด้วยค่า >,< ตั้งอยู่บนที่ราบสูง เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร

เมื่อมาถึงจะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับความงามของธรรมชาติ บ้านเรือนน่ารักๆ ท่ามกลางหุบเขา ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มไกลสุดลูกหูลูกตา และดอกไม้สีสันสดใสมากมาย อากาศก็ดี๊ดี อยากจะเก็บใส่ถุงกลับมาสูดต่อที่บ้านมากเลยค่า 5555 ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติขนาดนี้มันรู้สึกสดชื่นนนนฝุดๆ~ เหมาะแก่การมาเที่ยวเล่นพักผ่อนในวันหยุด มีกิจกรรมให้ทำมากมายทั้งปั่นจักรยาน เดินป่า เดินเขา จิบไวน์ ชมวิว หรือจะมาฮันนีมูนก็โรแมนติกฟินๆ ไม่น้อย อิอิ

หรือถ้ามาในช่วงฤดูหนาว ในหมู่บ้านยังมีวินเทอร์ วิลเลจ (Winter Village) ไว้สำหรับเล่นสกีและกิจกรรมฤดูหนาวอื่นๆ อีกด้วยค่า



ขับรถเที่ยวเส้นทางไฮอัลไพน์กรอสกล็อกแนร์ Grossglockner High Alpine Road

อีกกิจกรรมที่เป็นนิยมก็คือการขับรถเที่ยวเส้นทาง Grossglockner High Alpine Road หรือยอดเขา Grossglockner ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในออสเตรียค่าา

ถนนนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1930-1935 อายุกว่า 80 ปีแน่ะ มีความสูงถึง 3,798 เมตร จากระดับน้ำทะเล และมีความยาวกว่า 48 กิโลเมตร เมื่อขับขึ้นไปด้านบนแล้วมองลงมา จะเห็นเป็นโค้งที่สวยงามมากก มีโค้งคดเคี้ยวมากมายหลายแบบ ทั้งโค้งหักศอก โค้งตัวเอส โค้งตัวยู ทางขึ้นลงเขามันก็จะแคบและลาดชันหน่อยๆ นะจ๊ะ >,< ตื่นเต้นเว่อออออร์ ถือเป็นเส้นทางในฝันสุดท้าทายของคนที่รักการขับขี่จากทั่วทุกมุมโลกเลยค่า

แต่ท่ามกลางความเสียว ก็ยังมีความสวยอยู่ อิอิ เพราะระหว่างทางจะได้พบกับทัศนียภาพที่สวยงาม ขับไปท่ามกลางดงภูเขาสวยๆ ทุ่งหญ้าสีเขียว ทุ่งดอกไม้สีสีนสดใส ลำธาร และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ผ่านเมืองเล็กๆ หลายเมือง  วิวสวยทุกอณูตลอดเส้นทางเลยจ้า รับรองว่าเพลินมาก ไม่มีเบื่อเล้ยยย นับว่าเป็นเส้นทางที่โรแมนติกที่สุดเส้นหนึ่งในออสเตรีย และยังติดอันดับ 1 ใน 10 ของถนนที่มีความโรแมนติกที่สุดในโลกอีกด้วยค่า



เที่ยวซาลซ์คัมเมอร์กุท (Salzkammergut)

ที่นี่เป็นดินแดนแห่งทะเลสาบและสวรรค์ของคนรักธรรมชาติค่า ถือเป็นเขตแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามมากกกก ทั้งในเรื่องของธรรมชาติและหมู่บ้านที่สวยงามราวกับเทพนิยาย จนได้ชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่สวยที่สุดในออสเตรียเลยนะค้า โอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์และภูเขามากมาย มีทะเลสาบถึง 76 แห่ง เช่น Wolfgangsee, Lake Attersee, Lake District และ Lake Hallstatt และยังเคยเป็นแหล่งทำเหมืองแร่ชื่อดัง และแหล่งผลิตเกลือที่ใหญ่ที่สุดในแถบเทือกเขาแอลป์อีกด้วยค่า

เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนชิลๆ หนีความวุ่นวายจากที่ต่างๆ มาอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สวยไปโม้ดดด โดยสถานที่ยอดฮิตที่ห้ามพลาดเลยก็คือ

ซังคท์ โวล์ฟกัง (St. Wolfgang) เมืองมาร์เก็ตทาวน์และเมืองรีสอร์ทเพื่อสุขภาพที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของออสเตรียค่า ห้อมล้อมด้วยทะเลสาบโวล์ฟกัง (Wolfgangsee) หนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงของประเทศออสเตรียโดยชื่อเมืองมาจากชื่อของนักบุญโวลฟ์กัง ซึ่งได้สร้างโบสถ์เล็กๆ ขึ้นมา ที่เรียกกันว่าโบสถ์นักบุญโวลฟ์กัง ปัจจุบันได้เป็นโบสถ์ประจำของเมือง และเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปค่า

อีกสถานที่หนึ่งก็คือ ฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt) เมืองมรดกโลกที่เก่าแก่และสวยที่สุดในโลกกก *0* อยู่ริมทะเลสาบ Lake Hallstatt บ้านเรือนน่ารักมากกกกก บรรยากาศดี๊ดี ทัศนียภาพสวยงาม โรแมนติคฝุดๆ มีร้านค้า ร้านอาหารและกิจกรรมให้ทำมากมาย สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ใครได้มาเยือนต้องหลงรักตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงอย่างแน่นอนค่า



เที่ยวเมืองกราซ (Graz)

เมืองกราซ เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรีย รองจากกรุงเวียนนาค่า อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ใกล้กับประเทศสโลวีเนีย ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัยที่สำคัญของออสเตรียเพราะมีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ถึง 6 แห่งด้วยกันแน่ะ ต้องขยันกันมากแน่ๆ เลย อิอิ

ตัวเมืองมีความสงบแต่ทันสมัย มีภูเขาเล็กๆ และแม่น้ำเมอร์ (Mur) ไหลผ่าน เป็นเมืองการค้าและศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมจากทุกยุคทุกสมัย ทั้งแบบโกธิค เรอเนสซองซ์และบารอค มีบ้านเรือนโบราณกว่า 1,000 หลัง สิ่งปลูกสร้างเก่าๆ ของที่นี่สวยและดูคลาสสิคมากค่า ทั้งปราสาท ป้อมปราการ พระราชวัง ทุกอย่างถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี ค่อนข้างสมบูรณ์เลยทีเดียว ทั้งสองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมาย เดินมาเรื่อยๆ จะเจอหอนาฬิกา (Clock Tower-Uhrturm) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง มาถึงแล้วต้องเซลฟี่ด่วนๆๆ เลยนะค้า เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง >,<

ที่นี่ถือเป็นเมืองในยุโรปกลางที่ยังมีชีวิต ผสมผสานสถาปัตยกรรมยุคกลางเข้ากับสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเมืองเก่าได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ในปี 1999 และยกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป (Cultural Capital of Europe)  ในปี ค.ศ. 2003 อีกด้วยค่า



เที่ยวเทือกเขาแอลป์ (Alps)

ใครๆ ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของเทือกเขาแอลป์กันใช่ไหมคะ เป็นเทือกเขาที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมากที่สุดของยุโรปเลยค่า มีอาณาเขตครอบคลุมตั้งแต่ออสเตรีย อิตาลี สโลวีเนีย ไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์ โมนาโก ลิกเตนสไตน์ เยอรมนี ฝรั่งเศส และออสเตรีย อู๊ยยยย ใหญ่เว่อออออร์ โดยคลุมพื้นที่ของออสเตรียถึง 60% แน่ะ *0* และด้วยลักษณะภูมิประเทศ วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศอันบริสุทธิ์ของที่นี่ จึงสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาชื่นชมมนต์เสน่ห์ และหลบหนีความวุ่นวายมาพักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสายเลยค่า

โดยมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ทั้งสกี สโนว์บอร์ด ปีนเขา ปั่นจักรยาน ตีกอล์ฟ หรือเดินเที่ยวสูดอากาศ ชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ที่มีสัตว์ป่านานาชนิด พืชพันธุ์เมืองหนาว ทุ่งดอกไม้ ทุ่งหญ้า ธารน้ำแข็ง น้ำตก หมู่บ้านกลางหุบเขา สกีรีสอร์ท และยังมีทะเลสาบคุณภาพเยี่ยมที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดใสกิ๊งๆ โดยป่าบริเวณที่ราบสูงของเทือกเขาแอลป์นั้นเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำจืด ที่ใช้บริโภคกันในทวีปยุโรปค่า แถมการเดินทางก็สะดวกสบายและทันสมัย ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปีเล้ยยย




เที่ยวเซลล์ อัม ซี (Zell am See)
เซลล์ อัม ซี เมืองเล็กๆ ที่สวยงามอย่างกับหลุดออกมาจากโปสการ์ดเลยล่ะค่า อากาศดี โรแมนติก วิวสวยมากกก สวรรค์บนดินดีๆ นี่เองง >3< เมื่อมองไปรอบๆ ก็จะเจอเทือกเขาที่โอบล้อมเมืองไว้ ทุ่งหญ้าสีเขียว ทุ่งดอกไม้ละลานตา หมู่บ้านที่แสนน่ารักกกและเป็นระเบียบ ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ และทะเลสาปแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส อิอิ ผู้คนจะมาเล่นว่ายน้ำ ดำน้ำ เล่นวินด์เซิร์ฟ เวคบอร์ดและสกีน้ำกันค่า

หรือจะมาในช่วงฤดูหนาวเพื่อสัมผัสประสบการณ์การเล่นสกีน้ำแข็ง ซึ่งมีระยะทางยาวกว่า 138 กิโลเมตร ยาวไปตามเนินเขาระหว่างภูเขาถึง 3 ลูก! ได้แก่ ชมิทเทนโฮเฮอ (Schmittenhöhe) คิทส์ชไตน์ฮอร์น (Kitzsteinhorn) และมายสโคเกล (Maiskogel) ซึ่งสกีเป็นกิจกรรมยอดฮิตและมีชื่อเสียงของที่นี่ค่ะ มีตั้งแต่มือใหม่หรือเล่นสนุกๆ กับครอบครัว ไปจนถึงระดับการแข่งขันชิงแชมป์กันเลยทีเดียวค่า และในช่วงเดือนธันวาคม จะมีงานเทศกาลฤดูหนาวเกิดขึ้นในเมืองอีกด้วยย

อีกกิจกรรมที่น่าสนใจก็คือนั่งเคเบิลคาร์เพื่อชมวิวบนยอดเขาชมิทเทนโฮเฮอ (Schmittenhöhe) ที่สูงถึง 6,453 ฟุต ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุด มองลงมาเห็นความสวยของเมืองได้แบบเต็มๆ สามารถเห็นภูเขาได้ไกลหลายลูกเลยค่า

เซลล์ อัม ซี ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากว่า 1 ล้านคนต่อปี จะคึกคักเป็นพิเศษในฤดูกาลท่องเที่ยว ถ้าอยากมาในช่วงที่คนไม่แน่นมาก แนะนำให้หลีกเลี่ยงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนะค้า




ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.yingpook.com

Thursday, March 28, 2019

15 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในลอนดอน LONDON อังกฤษ

15 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในลอนดอน เที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้แก่ พระราชวังบักกิงแฮม หอนาฬิกาบิ๊กเบน สะพานลอนดอน เป็นที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเนิ่นนาน

15 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในลอนดอน แน่นอนว่าด้วยประวัติศาสตร์ของเมืองที่ยาวนานกว่า 2,000 ปี ซึ่งปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางการเงินของโลก (เช่นเดียวกับนิวยอร์ก) อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางด้านการเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ รวมถึงเป็นศูนย์กลางการคมนาคม และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทวีปยุโรป จึงไม่แปลกใจว่าทำไม ลอนดอน จึงกลายเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆ คน และนี่คือ 15 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่บ่งบอกความเป็นลอนดอนได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด


เที่ยวหอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) & พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (The Palace of Westminster) 

เมื่อพูดถึงลอนดอน แน่นอนว่าสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายล้านคนจากทั่วโลกมักจะคิดถึงเป็นสิ่งแรก นั่นก็คือ หอนาฬิกาบิ๊กเบน โดยที่นี่เรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาวลอนดอน นับตั้งแต่ครั้งแรกที่มันเริ่มทำงานในปี 1859 ด้วยความซื่อตรงเสมอมา จนกลายเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ประจำชาติของอังกฤษ ดังจะเห็นได้จากภาพยนตร์อังกฤษชื่อดังหลายๆ เรื่องที่มักจะใช้บิ๊กเบนเป็นฉากหลังเสมอ และปัจจุบันแม้ว่าบิ๊กเบนจะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่อย่างเป็นทางการคือ Elizabeth Tower เพื่อเป็นเกียริตแก่พระราชินีมาตั้งแต่ปี 2012 แต่ผู้คนทั้งหลายก็จดจำที่นี่ในฐานะของหอนาฬิกาบิ๊กเบนอยู่ดี


นี่คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกตั้งใจมาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในลอนดอน ท่ามกลางสถานที่สำคัญต่างๆ ที่รายล้อม พระราชวังเวสต์มินสเตอร์แต่เดิมนั้นเคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อนเมื่อ 1 พันปีที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นที่พำนักของกษัตริย์แห่งอังกฤษจนกระทั่งถึงยุคสมัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ซึ่งไม่ประสงค์ประทับอยู่ที่นี่ ดังนั้นพระราชวังเวสต์มินสเตอร์จึงถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 1547 เป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบัน และแม้ว่าในช่วงปี 1834 อาคารบางส่วนจะถูกทำลายลงไปบ้างจากเหตุการณ์ไฟไหม้ แต่ด้วยการบูรณะขึ้นใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามในยุควิคตอเรีย ที่นี่ก็กลับมาสวยงามน่าทึ่งอีกครั้งอย่างที่เห็นในตอนนี้


เที่ยวลอนดอนอาย (London Eye)

ลอนดอนอาย (London Eye) ที่รู้จักในชื่อ มิลเลเนียมวีล (Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้มาเยือนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี เปิด 10:00-20:30 น.


เที่ยวพระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace)

เป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่ประทับของกษัตริย์และพระราชินีมาตั้งแต่ปี 1837 จนถึงพระราชินีองค์ปัจจุบัน ภายในเขตรั้วพระราชวังและสวนด้านหลังเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ ไม่อนุญาติให้เข้าไป แต่ในช่วงฤดูร้อนที่ทรงแปรพระราชฐาน จะเปิดห้องโถงใหญ่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ ในช่วงประมาณเดือนสิงหาคมและกันยายน แต่ต้องเข้าไปเช็คในเว็บไซด์ก่อน เพราะวันเวลามีการเปลี่ยนแปลงทุกปี ส่วนการชมพระราชวังจากภายนอกนั้น ในแต่ละวันนักท่องเที่ยวจะไปรวมตัวกันที่หน้ารั้ว เพื่อดูพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์ในเวลา 11 โมง จะมีขบวนทหารพาเหรด และทหารม้า เดินกันอย่างสวยงาม ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม และขอถ่ายรูปกับทหารเท่ห์ๆ ค่ะ


เที่ยวพระราชวังวินด์เซอร์ ( Windsor Castle)

การมาเยือนลอนดอนอาจไม่สมบูรณ์ หากพระราชวังวินด์เซอร์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบ้านของครอบครัวกษัตริย์และพระราชินีแห่งอังกฤษมานานกว่า 1,000 ปี อยู่นอกลิสต์รายการท่องเที่ยวของคุณ โดยพระราชวังเก่าแก่ขนาด 5 ไร่แห่งนี้ ปัจจุบันยังถูกใช้เป็นที่พำนักของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่เสมอ ทั้งนี้ผู้มาเยือนควรเผื่อเวลาในการเข้าชมอย่างน้อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพราะที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทั้ง State Apartments ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยผลงานศิลปะอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นของสะสมของเหล่าราชวงศ์ รวมถึงความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบกอธิคในโบสถ์ St George ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์แห่งอังกฤษหลายพระองค์ และประหลาดใจไปกับ Queen Mary’s Dolls House บ้านตุ๊กตาแสนสวยและมีชื่อเสียงที่สุดโลกที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 โดยช่างฝีมือชั้นนำในสมัยนั้น เป็นต้น



เที่ยวโรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Warner Bros Studio Tour London: The Making of Harry Potter)

โรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ แห่งค่าย Warner Bros ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ในสถานที่ที่มีชื่อว่า Leavesden Aerodrome ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นโรงงานผลิตเครื่องบินที่มีชื่อเสียงหลายรุ่น เช่น Mosquito, Halifax Bombers ในสมัยสงความโลกครั้งที่สอง ก่อนที่ Warner Bros จะซื้อที่นี่และตั้งโรงถ่ายภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์มานานกว่าสิบปี และสุดท้ายที่นี่ก็กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งสาวกเหล่าพ่อมดแม่มดน้อยไม่ควรพลาด ด้วย Warner Bros ยังคงเก็บรักษาหลายๆ ฉากที่โดดเด่นจากภาพยนตร์ รวมถึงของประกอบฉาก กระทั่งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย เพื่อให้แฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้เข้ามาสัมผัสกับความมหัศจรรย์ และเก็บภาพความประทับใจลงในบันทึกความทรงจำไปตลอดกาลค่ะ (ต้องซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้า)


เที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ (British Museum)

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในโลก ภายในรวบรวมศิลปะ และวัตถุโบราณจากทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 6 ล้านชิ้น จัดแสดงของสะสมยุคอียิปต์โบราณ และโบราณวัตถุของกรีกและโรมัน เช่นก้อนหินโรเซ็ตตา (Rosetta Stone) มัมมี่และหีบศพโบราณ รวมถึงรูปปั้น ข้าวของเครื่องใช้ อาวุธ สิ่งประดิษฐ์ พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผา เหรียญกษาปณ์จากทั่วโลก



เที่ยวพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มุ่งเน้นในเรื่องของโลกของธรรมชาติ รวมถึงเป็นศูนย์วิจัยในเรื่องต่างๆราว 70 ล้านสาขา ซึ่งรวมถึงด้านพันธุ์พืช Entomology, Mineralogy, Palaeontology และสัตว์วิทยา



เที่ยวเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey)

วิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เปรียบได้ดั่งหัวใจและจิตวิญญาณของชาวอังกฤษ ความสำคัญของที่นี่นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมแบบกอธิคแล้ว วิหารแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์แห่งอังกฤษหลายพระองค์ รวมทั้งเป็นที่ตั้งอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ และที่สำคัญคือวิหารแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสครั้งประวัติศาสตร์ของเหล่าราชวงศ์มากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเอลิซาเบธและ เจ้าฟ้าชายฟิลิป และล่าสุดคือระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและองค์หญิงเคท ส่วนบริเวณชั้นล่างของวิหารนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์สมบัติแอบบีย์ ที่นักท่องเที่ยวควรไปเยือนสักครั้ง



เที่ยวจัตุรัสทราฟัลการ์ (Trafalgar Square)

จัตุรัสทราฟัลการ์ คือสถานที่ที่ดีที่สุดของการนัดพบกลางกรุงลอนดอน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของสงครามทราฟัลการ์ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1805 ที่นี่ถือเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวควรมาเยือนอย่างที่สุด เพราะนอกจะมีมุมสวยๆ ให้ได้ถ่ายภาพอย่างอนุสาวรีย์นายพลเนลสัน งานประติมากรรมสิงโตสำริด รูปสลักของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 น้ำพุ ฯลฯ ที่นี่ยังรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญให้ได้เที่ยวกันอย่างเต็มอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โบสถ์เซนต์มาร์ตินอินเดอะฟีลด์ นอกจากนั้นจากตรงกลางของจัตุรัส ยังสามารถมองเห็นหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่สวยเด่นเป็นสง่าได้อย่างชัดเจน



เที่ยวหอศิลป์แห่งชาติ National Gallery

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสทราฟัลการ์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1824 เป็นที่แสดงและเก็บรักษาจิตรกรรมกว่า 2,300 ภาพจากตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงปี ค.ศ. 1900



เที่ยวมหาวิหารเซนต์พอล (St.Paul’s Cathedral)

มหาวิหารเซนต์ปอลเป็นโบสถ์ที่สำคัญอีกแห่งในกรุงลอนดอน ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยยอดโดมสีขาวขนาดใหญ่ความสูงกว่า 11 เมตร ที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเทมส์ ในอดีตที่ผ่านมามหาวิหารเซนต์พอลถูกใช้เพื่อจัดพระราชพิธีที่สำคัญต่างๆ มากมาย ทั้งพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลกับเจ้าหญิงไดอาน่า รวมถึงยังเป็นที่ฝังศพของบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์อังกฤษหลายคน นักท่องเที่ยวนิยมาที่นี่ เนื่องจากมีบริการมัคคุเทศก์นำเที่ยว อีกทั้งยังสามารถขึ้นไปด้านบนของโดมเพื่อชมงานศิลปะที่ใช้ตกแต่งวิหาร รวมถึงชมวิวมุมสูงของกรุงลอนดอนได้ด้วย




เที่ยวทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge)

วิศวกรรมอันน่าประทับใจนี้คือไอคอนอีกแห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน ทาวเวอร์บริดจ์คือสะพานที่ถูกออกแบบให้เป็นทั้งสะพานยกและสะพานแขวนภายในหนึ่งเดียว โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1894 เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเทมส์ที่แต่เดิมออกแบบเป็นทางเดินเท้า ใช้แก้ปัญหาการจราจรอันหนาแน่นในอดีต ทั้งนี้ชื่อของทาวเวอร์บริดจ์ ได้มาจากการที่สะพานถูกสร้างขึ้นใกล้กับหอคอยแห่งลอนดอนนั่นเอง นอกจากนั้นทาวเวอร์บริดจ์ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โปรดของผู้ที่รักและชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เนื่องจากข้างบนมีการจัดงานนิทรรศการ Tower Bridge เพื่อนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสะพาน รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญๆ อีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนสะพานแห่งนี้



เที่ยวหอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London)

พระราชวังหลวงและป้อมปราการ ริมแม่น้ำเทมส์



เที่ยวห้างแฮร์รอดส์ Harrods

ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ และดังระดับโลก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน เป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตของคนไทย มีสินค้าแบรนด์เนม น้ำหอม และนาฬิกาแบรนด์ดังๆ มากมาย เรียกได้ว่า รูดบัตรเครดิตกันมันส์เลยค่ะ รูดปรื้ดๆ จะมาลมจับก็ตอนเห็นบิลนี่ละ 555 ข้างในตกแต่งหรูหราสวยงามมีหลายธีม และสุดท้ายสินค้าของแฮร์รอดส์ใช้สัญลักษณ์เป็นตุ๊กตาหมีน่ารักมากค่ะ ตอนนี้ที่สยามพารากอนก็มี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะซื้อกระเป๋าใส่ของเอนกประสงค์ทรงสี่เหลี่ยม ตุ๊กตาหมี หรือพวงกุญแจ เป็นของที่ระลึกจ้า ราคาไม่แพง



เที่ยวเกอร์คิน (The Gherkin)

อาคารรูปทรงมหัศจรรย์แห่งนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการออกแบบอาคาร ให้มีลักษณะเป็นตึกเกลียวทรงแตงกวาดองที่สูงระขอบฟ้ากลางกรุงลอนดอน ใจกลางย่านการเงินสำคัญ โดยลักษณะการออกแบบที่ค่อนข้างแปลกนี้เอง จึงเรียกความสนอกสนใจแก่นักท่องเที่ยวอยู่สม่ำเสมอ ทั้งนี้ชื่ออย่างเป็นทางการของตึกนี้ก็คือ 30 St. Mary Axe แต่คนส่วนใหญ่มักจะเรียกว่าเกอร์คิน อันเป็นชื่อตามลักษณะของตึก ภายในนอกจากจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานและเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ด้านบนของตึกยังมีร้านอาหาร และบาร์ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้ชื่นชมกับทัศนียภาพอันสวยงามของกรุงลอนดอน ด้วยมุมมองถึง 360 องศา โดยไม่มีเสาหรืออะไรมาบดบังให้ขัดนัยน์ตาเลย




เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับ 15 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงลอนดอน เมืองผู้ดีอังกฤษที่หญิงปุ๊กนำมาฝากกัน ทั้งนี้นอกจาก 10 สถานที่ข้างต้นแล้ว กรุงลอนดอนยังมีอีกหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทั้งที่เกี่ยวกับด้านสังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การเมือง และธรรมชาติอันสวยงาม จึงไม่แปลก หากที่นี่จะติดอันดับต้นๆ ของจุดหมายปลายทางในฝันระดับโลกที่ใครๆ ก็อยากมาสัมผัสสักครั้งนึง

ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.yingpook.com

Wednesday, March 27, 2019

10 ที่เที่ยวปูซาน เช็คอินแลนด์มาร์ค เมืองน่าเที่ยวเกาหลีใต้

10 ที่เที่ยวปูซาน ชอบไปเกาหลี แต่เที่ยวโซลก็บ่อยแล้ว ลองไปปูซานดูบ้างก็ดีนะ กับ 10 ที่เที่ยวปูซาน เช็คอินแลนด์มาร์ค

10 ที่เที่ยวปูซาน เมืองน่าเที่ยวเกาหลีใต้ คัดสรรแล้วว่าดี น่าไปโดน นี่ก็ใกล้เข้าหน้าหนาว ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศกำลังดี ต้องรีบจัดทริปไปเที่ยวกันแล้วแหละ
1.วัดแฮดงยงกุกซา (Haedong Yonggungsa Temple)

 

เปิดประเดิมทริปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลกับวัดเก่าแก่อายุเกือบพันปีของปูซาน วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาหันหน้าออกสู่ทะเล สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1376 ที่นี่ถือเป็นจุดรับแสงแรกของปีใหม่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปีตามความเชื่อของคนเกาหลี และยังเป็นหนึ่งในจุดสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดด้วยเพราะวัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั่นเอง

2. วัดโพโมซา (Beomeosa Temple)

 

มาที่วัดในปูซานที่มีอายุมากถึง 1300 ปีกันบ้างกับวัดโพโมซา สร้างขึ้นประมาณปลายศตวรรษที่ 7 ในยุคสมัยอาณาจักรชิลลา เป็นสถานที่ๆ เต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ประตูทางเข้าเรื่อยไปจนถึงภายใน นอกจากนี้ยังมีงานศิลปกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์จำนวนมาก บริเวณโดยรอบก็ร่มรื่นและเงียบสงบตัดขาดจากโลกภายนอก

3. ชายหาดแฮอึนแด (Haeundae Beach)

 

ด้วยปูซานเป็นเมืองชายทะเล แน่นอนว่าก็ต้องมีที่เที่ยวริมทะเลอย่างหาดแฮอึนแดที่เป็นชายหาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ประมาณเดือนมิถุนายน-กันยายน ที่นี่จะฮอตฮิตติดกระแสทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนเกาหลีเองที่นิยมออกมาอาบแดดและเล่นน้ำที่ชายหาดแฮอึนแดแห่งนี้

4. ชายหาดซองโด (Songdo Beach)

 

ชายหาดอีกแห่งที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กันก็คือชายหาดซองโดจุดเด่นของที่นี่คือป่าสนที่อยู่ปลายหาดให้ได้เดินเล่นลัดเลาะไปชมกันนอกจากนี้ก็ยังมีทางเดินยาวเข้าไปในทะเลที่มีกระจกสามารถมองลงไปในทะเลได้ด้วย ให้ตื่นเต้นขึ้นมาอีกหน่อยก็ต้องกระเช้าลอยฟ้าสามารถนั่งข้ามจากหาดซองโดไปเกาะยองโดได้ จะให้ดีเลือกที่นั่งกระเช้าแบบพื้นใสๆ จะได้ชมวิวสวยๆ บวกตื่นเต้นหน่อยๆ ไปตลอดทาง

5. สวนสาธารณะแทจองแด (Taejongdae Recreation Area)

 

ที่เที่ยวในปูซานแห่งนี้คือสวนสาธารณะริมหน้าผาขนาดใหญ่มาก บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้สวยงามให้ได้ถ่ายรูปกันอย่างจุใจ นอกจากเหล่าพันธุ์พฤกษาแล้วก็ยังมีหน้าผาและชายหาดที่เต็มไปด้วยหินให้ได้มุมถ่ายรูปแปลกใหม่กันอีกด้วย ซึ่งจุดชมวิวมุมสูงของที่นี่เป็นประภาคารอายุกว่า 100 ปี ให้เราสามารถชมวิวได้แบบพาโนรามากันเลยทีเดียว

6. ถนนแฮอึนแด (Haeundae Food Street)

 

ใกล้กับหาดแฮอึนแดจะมีถนนเส้นนึงที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆ ใหม่ๆ มีร้านขายซีฟู้ดตั้งอยู่เรียงรายสองฝากถนน ทั้งยังคราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวและชาวเกาหลีที่ออกมาหาอาหารทะเลสดๆ ไปรับประทาน นอกจากกุ้งหอยปูปลาทั่วไปแล้วก็ยังมีของแปลกอย่างดอกไม้ทะเล ปลิงทะเล และปูปลาที่หาไม่ได้ในบ้านเราให้ได้ลองชิมกันด้วย พอตกกลางคืนบริเวณนี้ก็จะกลายเป็นแหล่งชิลล์เอาท์ นั่งกินปูเคล้าเสียงดนตรีกันเพลินๆ ริมหาด ได้บรรยากาศสุดๆ ไปเลย

7. ตลาดปลาชากัลชิ (Jagalchi Fish Market)

 

ใครยังไม่อิ่มต้องมาต่อกันที่ตลาดปลาชากัลชิ ที่เป็นตลาดขายอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีเลยทีเดียว ที่นี่มีทั้งตลาดกลางแจ้งติดกับท่าเรือ เรียกว่าขนขึ้นจากเรือก็เอามาวางขายกันเลยทันที หรือใครอยากชิลล์ๆ เดินสบายๆ ก็เข้าไปตลาดติดแอร์ในอาคารที่มีให้เลือกน่าจะเกือบร้อยร้านได้ ซื้อแล้วเขาก็มีโซนปรุงให้กินแบบสดๆ พร้อมรับประทาน (แนะนำว่าให้พกน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเราไปด้วย) ด้านบนสุดของอาคารยังมีพิพิธภัณฑ์และจุดชมวิวให้ได้ขึ้นไปชมกันอีกด้วย

8. หมู่บ้านวัฒนธรรมกัมชอน (Gamcheon Culture Village)

 

อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของที่เที่ยวปูซานกับหมู่บ้านวัฒนธรรมกัมชอน โดดเด่นด้วยสีสันสดใสและรูปแบบอาคารสิ่งก่อสร้างที่ดูเก่าแก่มีเอกลักษณ์ ล้อมรอบด้วยภูเขาให้มุมสวยๆ แบบพาโนรามา บรรยากาศดีมากๆ โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่เต็มไปด้วยงานศิลปะและงานฝีมือ ซื้อไว้เป็นของที่ระลึกก็ดี เป็นของฝากก็ถูกใจ และอย่าลืมไปถ่ายรูปกับเจ้าชายน้อย ถือเป็น check-point ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

9. หอคอยปูซาน (Busan Tower)

 

ที่ไหนก็มีหอคอยสูงให้ได้เช็คอินว่ามาถึงถิ่นแล้ว ปูซานก็มีกับเขาเหมือนกันที่ Busan Tower โดยหอคอยปูซานแห่งนี้มีความสูงถึง 120 เมตร ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะยงดูซาน สามารถขึ้นไปชมเมืองปูซานแบบ 360 องศากันได้เลย ตอนกลางวันก็ดียิ่งตกกลางคืนก็ยิ่งสวยเพราะเขามีเปิดไฟประดับประดา ใครที่อยากคล้องกุญแจสัญญารักก็มากันที่นี่เหมือนหอคอยโซลได้ด้วยนะ

10. ถนนนัมโพดง (Nampodong Street)

 

มีที่เที่ยวปูซานเยอะขนาดนี้จะไม่แนะนำย่านช็อปปิ้งสักหน่อยก็เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึง ใครสายช้อปต้องไปที่ถนนนัมโพดง คล้ายๆ กับย่านเมียงดงที่โซลนั่นเอง แน่นอนว่านอกจากจะมีร้านค้ามากมายตั้งเรียงรายซ้ายขวา ทั้งแบรนด์เนมและแฮนด์เมดแล้วก็ยังมีเหล่าคาเฟ่ชิคๆ ร้านเครื่องสำอาง ร้านอาหาร รวมไปถึงคลับหรือบาร์ก็อัดแน่นกันอยู่ที่นี่ คึกคักกันทั้งกลางวันกลางคืนเลยทีเดียวแหละ

10 ที่อาจต้องใช้เวลาสัก 3-5 วัน แต่ถ้าใครมีเวลามากกว่านั้นก็จัดกันไปเลย กับที่เที่ยวปูซานเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเกาหลีที่ไม่ได้มีแค่โซล อาหารก็อร่อย ของช้อปก็ถูก แถมยังมีอปป้าให้ได้ส่องกันอีกด้วย ทริปนี้ไปแล้วไม่อยากกลับกันเลยทีเดียว

ขอบคุณแหล่งที่มา https://blog.traveloka.com